วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Air gear


Air gear ขาคู่ทะลุฟ้า
แอร์เกียร์ ขาคู่ทะลุฟ้า (ญี่ปุ่น: エア・ギア ทับศัพท์จาก Air Gear ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องและภาพโดย อิโตะ โองุเระ หรือที่รู้จักกันในนามปากกาว่า Oh! great เรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันแอร์เกียร์ ซึ่งคล้าย ๆ กับสเก็ต แต่เป็นรองเท้าสเก็ตที่ติดมอเตอร์แรงสูง ทำให้มีความเร็วสูง และทำให้ไต่กำแพงได้ ซึ่งท่าทางการเล่นต่างๆ จะเรียกว่า "ทริค" ลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเป็นของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ปัจจุบันตีพิมพ์ลงนิตยสาร KCWeekly ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์จำหน่ายโดย TIGA
เนื้อเรื่อง
มินามิ อิซึกิ (อิกกิ) มีสัตว์เลี้ยงเป็นอีกาชื่อว่า "คู" อาศัยอยู่บ้าน โนยามาโนะ และชอบเรื่องมวยปล้ำเป็นพิเศษแต่ได้มาสนใจ A.T เพราะชิมูกะ และอิกกิก็ยังชอบชิมูกะอีกดัวยนะ
และจะมาอนู่ในกลุ่ม ของ [ ชิมูกะด้วย ]

หลังจากอิกกิเจอกํบเหล่าไรเดอร์มาเยอะก็ถึงเวลาที่เจเนซิด จะให้อิกกิเป็นราชาคนต่อไป ชิมูกะโดนริงโกะโจมตีแล้วได้แพ้ไปบาดเจ็บสาหัส อิกกินับว่า Genesis เป็นศัตรูกัน
[การต่อสู้ระหว่าง ริงโกะ กับ อิกกิ]
การต่อสู้เกิดขึ้นจากอานงได้มาหาริงโกะแล้วได้มาพูดต่อหน้าริงโกะว่า "ถ้าเป็นตอนนี้ละก็จะให้ชั้นปรับแต่งให้ปีกของเขาหักก็ได้" แล้วอิกกิก็เดินมาจนคานงก้มลงจูบริงโกะ
แล้วได้พูดหลอกอิกกิว่าริงโกะขอให้ช่วยปรับแต่งให้ปีกนายหัก อิกกิเข้าใจผิดเลยใช่ AT ออกไปข้างนอกริงโกะตามไป จนริงโกะตามไม่ทันเลยปลดปล่อยพลังรักของราชชินีแห่งหนาม ออกมา ริงโกะตามอิกกิทันได้บอกว่า "เธอเข้าใจชั้นผิด" อิกกิไม่ฟังแล้วบอกกับริงโกะว่า "เธอนั้นแหละ ริงโกะเลยบอกว่า "เธอนะจะได้เป็นราชาแห่งสายลมและขึ้นครองทีม เจเนซิดแม้ต้องเป็นศัตรูกันก็ต้องทำเพราะชั้นเป็นราชชินิแห่งหนาม " อิคกิเลยพูดออกมา "จะข้าพวกเธอให้หมด
การต่อสู้ ริงโกะ กับ อิกกิ เสมอกัน(จริงๆแล้วอิกกิเป็นฝ่ายชนะ)
การต่อสู้ระหว่าง ราชาผู้ครองหอคอย กับ ทีม ของ อิกกิ
ตัวละคร
Ikki (Karasu)
ฉายา Baby Face แห่ง ฮิงาจู แก๊ง Guns หลังจากได้เล่น A.T. (Air Trek) จึงประทับใจ A.T. และเล่นเรื่อยมา โดยได้สร้างกลุ่ม โคะคาราซึมารู ในภายหลัง ซึ่งเป็นทีม A.T. และเข้าร่วม Part War โดยอิกกิคือ ว่าที่ "ราชาแห่งท้องฟ้า" (แต่ได้เป็น "ราชาแห่งพายุ")
Ringo
ริงโกะ (ที่หมายถึง แอปเปิ้ล)ในบรรดาพี่น้องบ้านโนยามาโนะ ริงโกะเป็นลูกคนที่ 3 ของบ้านโนยาโนะ เป็นเพื่อนกับอิกกิ และอยู่ในทีม Sleeping Forest โดยใจจริงของริงโกะก็แอบชอบอิกกิ โดย ริงโกะเป็น "ราชินีแห่งหนาม"
Mikan
มิคัง เป็นลูกคนรองของบ้านโนยามาโนะ ชอบแกล้งอิกกิเป็นชีวิตจิตใจ และแน่นอนอยู่ Sleeping Forest เหมือนกันด้วย ซึ่งเป็นทีมเดียวกับริงโกะนั่นแหละนะ
Ume
ลูกสาวคนเล็กสุดของบ้านโนะยามาโนะน่ะนะ โดยอุเมะเองชอบทำตุ๊กตามากๆ น่ากลัวๆ มีความชำนาญเรื่องจักรกล (แต่เห็นกี่รอบก็สร้างแต่ของแปลกๆให้อิกกิประจำ) ก็อย่างว่าอุเมะจังก็อยู่ทีม Sleeping Forest เหมือนกัน

Rika
ริกะเป็นลูกคนโตของบ้านโนะยามาโนะ คอยดูแลเรื่องต่างๆภายในบ้าน และเป็นโปรมวยปล้ำหญิงซะด้วย โดยอดีตอยู่ Sleeping Forest และเป็นอดีตเจ้าของเส้นทางที่ชื่อว่า Sonia Road 「荊蕀の道」โดยส่วนตัวของริกะกังวลเรื่องอิกกิมากๆเกี่ยวกับการเล่น A.T.
Simca
ชิมูกะ หรือ "นกนางแอ่น ชิมูกะ" เป็นเจ้าของทีม AT ที่ใหญ่ ที่ชื่อว่า Genesis 「ジェネシス」 ซึ่งภายในทีมมีราชาอยู่ 4 คน ภายหลังก็ไปขอร่วมทีมกับโคะคาราซึมารูของอิกกิ จุดประสงค์เพื่อต้องการรวบรวมราชาอยู่ในทีมของตน
Mikura kazuma
เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ของอิกกิ มีอีกนามว่า "นายจืดจาง" เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยเด่น จึงได้รับฉายานี้ คาซึเป็นไรเดอร์จำพวกความเร็วหรือ Speed Rider スピード・ライダー ภายหลังคาซึได้รับชื่อว่า สเตลท์ 「ステルス」(Stealth ให้นึกถึงเครื่องบินที่ความเร็วสูงเป็นหลัก และได้เป็นราชาแห่งไฟ
Onigiri (ข้าวปั้น)
ลักษณะของหัว เหมือนข้าวปั้น ข้าวปั้นเป็นเพื่อนของอิกกิในสมัยเด็กๆ และเป็นตัวละครที่บ๊องที่สุดในบรรดาตัวละครทั้งหมดแหละนะ ด้วยพลังของข้าวปั้นจึงทำให้เกิดเส้นทางที่ชื่อว่า Smell Road 「腐臭の道」 และเวลาเจอผู้หญิงทีโป๊ๆจะมีพลังสูง
Akito x Agito x รินโด
อากิโตะเป็นตัวละครที่มีสามบุคลิก และเป็นราชากับเส้นทางที่ชื่อว่า "Bloody Road" 「血の道」โดยอาศัยอยู่กับพี่ชาย และกลุ่ม ลม G•Men ซึ่งเป็นตำรวจที่คอยจับกุมพวกที่ใช้ A.T. ในทางที่ผิด(ที่จับกุมคนเล่นA.T.เพราะพี่ชายของอากิโตะเกลีดA.T.มากๆเลย)
โคะคาราซึมารู (Kogarasumaru)
ทีมระดับB Class
• คาราซึ(มินามิ อิซึกิหรืออิกกิ ราชาแห่งพายุ)(ในอดีตเป็นว่าที่ "ราชาแห่งสายลม")
• วานิจิม่า อากิโตะ(ราชาแห่งเขี้ยว)(ในอดีตมีชื่อว่า "รินโด้") *
• บุจจะ (มิโฮโตเคะ อิสสะ อดีตราชาแห่งความมืด)(มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นราชาแห่งความกึงก้อง)
• คาซึ (ราชาแห่งไฟ)(อิคคิเคยตั้งตำแหน่งตอนเริ่มสร้างทีมว่าธุระการเบ็ดเตล็ดหมายเลข5)
• โอนิกิริ(เซียนลามก)(อิคคิเคยตั้งตำแห่งรัฐมลตรีลามกให้)
• ที เอสเมกเกอร์(ราชาแห่งจักรวาล)(ได้พบอิคคิตอนเริ่มตั้งทีมใหม่ๆ ชื่อที่เรียกทั่วไปคือ ที เป็นพลังราชาที่หลายคนหวาดกลัว)
สลีปปิ้ง ฟอร์เรส (Sleeping Forest)
ทีมระดับ A
• ริงโกะ(ราชินีแห่งหนาม) +(ชอบอิกกิ)
• มิคัง(โนยามาโนะ มิคัง) +
• อุเมะ(โนยามาโนะ ชิราอุเมะ) +
• กาบิชิ(ราชาแห่งเขา) +
• โอม(ราชินีแห่งน้ำ) +
• คิริคุ(อดีตราชาแห่งหิน) +
=== เจเนซิส (Genesis) === ทีมระดับ A class
• ชิมูกะ (เป็นเจ้าของท้องฟ้าแห่งความมืด เป็นเจ้าหญิงของกลุ่ม Genesis) +(ชอบอิกกิ)
• Aion Clock (ชาโนะ ยาสึโยชิ)ยังไม่เสียชีวิต หลังสู้กับโซร่า อยากเป็นราชาแห่งไฟ(ได้ขโมยRegaliaแห่งเปลวเพลิงไป)
• spit fire (ขอลาออกและเสียชีวิตหลังการสู้กับ โซร่าและsora เป็นหัวหน้ากลุ่ม Volcano ปกติเป็นช่างเสริมสวย) +
• โยชิสึเนะ (ราชาแห่งความกึกก้อง หัวหน้า Trident เป็นสาขาของ Genesis ในคันไซ)(เขาได้เสียชีวิตจากการถูกลอบโจมตี)
• เบ็นเคย์ (เทพผู้คุ้มครองนานิวะ No.2 ของ Trident)(เธอเสียขาจากการลอบโจมตีพร้อมกับโยชิสึเนะ และได้นำregaliaแห่งความกึกก้องมาให้อิซิกิ)
• นูเอะ (ราชาแห่งสายฟ้า หัวหน้าทีม Black Crow) +
• นิเคะ (เทเคอุจิ (Sora)ราชาแห่งหิน) +
• โซร่า (ราชาแห่งสายลม ) +'
ทูล โทล ทู (Tool Toul To)
ทีมระดับ A class
• อิเนะ (มากิงามิ อิเนะ, อาจารย์มากิงามิ เป็นจูนเนอร์ของ spit fireและเป็นแฟนของspit fire)
• คุรุรุ (ราชินีแห่งการเชื่อมต่อ เป็นจูนเนอร์ของอิกกิ)(ชอบอิกกิ)
• คานง (เป็นจูนเนอร์ของริงโกะ)
• ฮาโกะ (เป็นจูนเนอร์ของโซร่า)
• โคโนมิ
• รูน +
• มานะ (เป็นจูนเนอร์ของนูเอะ)
บีฮีมอธ(Behemoth)
ทีมระดับ D class
• อุโด้ อากิระ (อดีตราชาแห่งเขี้ยว ภายหลังมอบตัวให้กับตำรวจ แล้วกลับเข้าทำงานใน [ลม] G men)
• Aion clock(ซาโนะ ยาสึโยชิ)ใช้ทริคในการหยุดเวลา(อากิโตะบอกว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน)
• Gorgon shell(มิมาซากะ เรียว)เสียชีวิตในการต่อสู้ของโซร่ากับSpitfire แต่ภายหลังพบยังมีชีวิต
เป็นเจ้าหญิงนิทราในห้องทดลองของAion clock
• Hammer(บันโด มิซึรุ)
• Hekatoncheirbomb(โกะโชะคาวาระ ฟูเมย์)
[ลม] G men
• วานิจิม่า ไคโตะ (หัวหน้าหน่วย [ลม] G men ของตำรวจ คอยจับ rider เป็นพี่ชายของอากิโตะ)
• อุโด้ อากิระ (อดีตราชาแห่งเขี้ยว หัวหน้าของ Behemoth )

Kings and Roads
เส้นทาง Regalia ราชาคนปัจจุบัน ราชาคนเก่า ว่าที่ราชา
Wing Road บากรัม ทาเคอุจิ โซระ ทาเคอุจิ โซระ n/a
Flame Road n/a คาซึ Spitfire คาซึ
Rising Road n/a นูเอะ Black Burn n/a
Sonia Road โซเน็ต ริงโกะ ริกะ ริงโกะ
Bloody Road เขี้ยว Agito อุโด้ อากิระ Agito/อากิโตะ
Over Road n/a โยชิซึเนะ Dontores โยชิซึเนะ
Link Road n/a คุรุรุ มากินามิ อิเนะ คุรุรุ
Jade Road n/a ทาเคอุจิ SORA(นิเคะ) คิริคุ คิริคุ
Sky Road n/a ทาเคอุจิ โซระ ทาเคอุจิ โซระ n/a
Hurricane Road n/a อิกกิ n/a อิกกิ

one piece


One piece
วันพีซ (ญี่ปุ่น: ワンピ-ス Wanpīsu ในชื่ออังกฤษ One Piece ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเขียนโดย เออิจิโร โอดะ เรื่องราวของการตามหา "วันพีซ" โดยผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 - ปัจจุบัน (มี.ค. 2552) ฉบับรวมเล่มออกมาถึงเล่มที่ 53 และเนื่องจากความโด่งดัง วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็นอะนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึงเกมอีกหลายภาคด้วยกัน
ในประเทศไทย วันพีซได้ลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์รายสัปดาห์ ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์โดย Audio & Video Entertainment (เฉพาะปี 1) DEX (ตั้งแต่ปี 2 เป็นต้นไป และในปี พ.ศ. 2552 DEX ได้นำภาค 1 มาผลิตใหม่ในรูปแบบ DVD โดยเสียงพากย์ จะพากย์ใหม่ทั้งหมด โดยทีมพากย์ของ DEX เอง) และเคยออกอากาศทางฟรีทีวีทางไอทีวี (ทีไอทีวี) , โมเดิร์นไนน์ทีวี และในเร็วๆ นี้ วันพีชกำลังจะกับมาออกอากาศอีกครั้ง ทางช่อง 3 โดยจะเริ่มฉายตั้งแต่ภาคที่ 4 เริ่มวันที่ 8 สิงหาคม 2553 อ้างอิง
วันพีซเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การที่ผู้วาดได้สร้างสรรค์ความฝันซึ่งต้องการผจญภัยพร้อมกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็กของหลาย ๆ คนได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการผจญภัย ลูฟี่ต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์เพื่อนแท้มากมาย รวมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวและตำนานของบุคคลต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือของรัฐบาลโลก เจ็ดเทพโจรสลัด เจ้าหญิงวีวี่แห่งอาลาบัสต้า เมืองแห่งทะเลทราย โนแลนด์จอมโกหก และเกาะแห่งท้องฟ้าในตำนาน รวมทั้งภาคล่าสุดมหาอาณาจักรแห่งน้ำวอเตอร์เซเว่น
เนื้อเรื่อง
บทความนี้ควรปรับปรุงภาษาหรือรูปแบบการเขียน เนื่องจากมีเนื้อหาที่ไม่ได้แปลหรือแปลไม่สมบูรณ์ (ดูเพิ่ม) สะกดไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง หรือเขียนด้วยลักษณะภาษาพูด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ และแก้ไขรูปแบบให้เป็นสารานุกรม
ในเรื่องพูดถึงยุคทองของโจรสลัด เมื่อเจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์ ถูกประหาร มหาสมบัติ"วันพีซ"ในตำนานก็ไร้เจ้าของ ทำให้โจรสลัดทั่วโลกต่างพากันกางธงเข้าแย่งชิงมหาสมบัตินี้
มังกี้ ดี ลูฟี่ ผู้ซึ่งวัยเด็กได้มีโอกาสรู้จักกับหนึ่งในโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ แชงคูส และฝันเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด ลูฟี่ได้กินผลปีศาจที่ทำให้ร่างกายมีลักษณะพิเศษคือมีคุณสมบัติเป็นยาง แต่ไม่สามารถว่ายน้ำได้ ลูฟี่ได้เริ่มต้นการผจญภัยออกเรือเดินทางไปทะเลแกรนด์ไลน์ ระหว่างทางลูฟี่ต้องเจอศัตรูที่ร้ายกาจและผู้ใช้พลังของผลปีศาจมากมาย แต่เค้าก็ได้สหายร่วมเป็นร่วมตายมาเป็นพวกพ้องได้แก่ โรโรโนอา โซโล นามิ อุซป ซันจิ โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ นิโค โรบิน แฟรงกี้ บรู๊ค พวกลูฟี่ได้แล่นเรือจากอิสท์ บลูเข้ามาในแกรนด์ไลน์และใช้ล็อกโพส ล็อกเส้นทางเดินเรือผ่าน วิสกี้พีค ลิตเติ้ล การ์เด้น อาณาจักรดรัม อาณาจักรทะลทรายอลาบาสต้า จายา เกาะแห่งท้องฟ้าสกายเปีย ลองริง ลองแลนด์ จนได้เดินทางมาถึง วอเตอร์เซเว่น เกาะที่มีชื่อเสียงด้านการต่อเรือ เพื่อซ่อมเรือโกอิ้งแมรี่ แต่เรือโกอิ้งแมรี่ ก็เสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้ เป็นเหตุให้ อุซป มีปัญหากับลูฟี่อย่างรุนแรง อีกทั้ง นิโค โรบินยังยอมถูกจับตัวไปยังเอนิเอส ล็อบบี้เพื่อแลกกับการที่พวกลูฟี่ไม่ต้องเจอกับบัสเตอร์คอล หลังจากช่วย นิโค โรบินสำเร็จ พวกลูฟี่ได้เรือลำใหม่เธาซันด์ซันนี่และช่างต่อเรือแฟรงกี้ จากนั้นจึงเดินทางไปยังเกาะเงือก แต่เรือก็หลงเข้ามาในทะเลหมอกที่มีชื่อว่าฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล จนต้องเจอกับหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด เก็กโค โมเรีย ในทริลเลอร์ พาร์คซึ่งเป็นเรือของโมเรีย ลูฟี่สามารถล้มออซ อสูรกายยักษ์ที่ใส่เงาของลูฟี่ และโมเรียลงได้ แต่ก็ต้องมาเจอ บาโซโลมิว คุมะ เจ็ดเทพโจรสลัดอีกคน แต่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละของโซโล ซึ่งรับการโจมตีของคุมะแทนลูฟี่เพียงคนเดียว พวกลูฟี่จึงผ่านพ้นอันตรายมาอีกครั้ง และได้ บรู๊ค มาเป็นพวกพ้องอีกคน
เมื่อพ้นทะเลหมอกฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล มาก็พบกับเรดไลน์ จู่ๆ ก็มีเงือกสาวชื่อ เคย์มี่ มากับคู่หูปลาดาวชื่อ แป๊ปเป๊ก พุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลเพราะถูกปลายักษ์กินเข้าไปแถมยังบอกเรื่องที่ว่าจะทำทาโกยากิ ให้กินอีกด้วย แต่ก็ต้องชะงักเพราะงานเข้า เมื่อเพื่อนของเคย์มี่ที่ใช้แมลงโทรสารเข้ามา บอกว่าถูกจับตัวไปโดยกลุ่มโจรสลัดมาคุโระ ซึ่งมีอาชีพเป็นโจรเรียกค่าไถ่ โดยขอแลกกับตัวเคย์มี่ ซึ่งเพื่อนคนที่พูดถึงก็คือ เฮคชิน หรือ ฮัจจัง (มนุษย์ปลาหมึกอดีตเสนาธิการของกลุ่มมนุษย์เงือกอารอน) พวกลูฟี่ตัดสินใจช่วยเพราะยังไม่รู้ว่าเฮคชินคือใคร ทันใดนั้นเองกลุ่มปลาบินนักซิ่ง นักสู้ของโจรสลัดมาคุโระก็โผล่มาโจมตีเรือซันนี่ แล้วกลับไปรายงานต่อหัวหน้ากลุ่มปลาบินนักซิ่ง ชื่อ ดิวบัล
หลังจากจัดการเรื่องของกลุ่มปลาบินนักซิ่งเสร็จพวกลูฟี่จึงเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะชาบอนดี้ซึ่งพวกลูฟี่ก็ได้พบกับ ซูเปอร์โนวา ชาวมังกรฟ้า เหตุการณ์ที่เคมี่ย์ถูกจับไปขายเป็นทาส การทำร้ายชาวมังกรฟ้า การพบกับ ซิลเวอร์ เรลี่ย์ การที่กองทัพเรือส่งกำลังเข้ามาปราบปรามโดย พลเรือเอก คิซารุ และการถูก เจ็ดเทพโจรสลัด บาโซโลมิว คุมะ ทำลายกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางด้วยการแยกสมาชิกบนเรือส่งไปยังเกาะต่างๆคนละเกาะ
ลูฟี่ถูก บาโซโลมิว คุมะส่งมาที่เกาะอเมซอน ลิลี่ ลูฟี่ได้พบกับราชินีโจรสลัด โบอา แฮนค๊อก เจ็ดเทพโจรสลัด และเหตุการณ์ต่างๆมากมาย จนทำให้แฮนค๊อกหลงรักลูฟี่ หลังจากนั้นลูฟี่ได้รับข่าวว่าจะมีการประหาร โปรโตกัส ดี เอส ในอีก7วัน ลูฟี่จึงเข้าไปหาแฮนค๊อกเพื่อขอยืมเรือ ลูฟี่ลอบขึ้นเรือรบของกองทัพ เขากำลังมุ่งหน้าไปยังคุกใต้สมุทร อิมเพลดาวน์ ที่มียามเฝ้ากรงขังยักษ์อย่าง ฮันนิบาลและในที่แห่งนั้นยังมี จินเบ ติดคุกอยู่ เพื่อจะไปช่วย โปโตกัส ดี เอส พี่ชายของเขา
ที่อิมเพลดาวน์ลูฟี่ก็ใด้เจอกับศัตรูเก่าอย่าง บากี้ที่กำลังแหกคุก เขากับบากี้ก็ร่วมมือกันต่อสู้กับ ผู้คุมกรงขังนรก บูโรกี้ และ ลูฟี่ก็ลงไป ชั้น 2 เพื่อไปช่วยพี่ชายเขา ขณะนั้นนั่นเองอีกฟากหนึ่ง mr3 ลูกน้อง ของ เดอะ ครอคโคไดล์ ก็ปรากฏตัวขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่ ศูนย์บัญชาการหลักของกองทัพเรือและในที่ดินแดนศักดิ์สิทธ์ แมรี่ จัวซ์ก็เป็นการรวมพลระหว่าง เจ็ดเทพโจรสลัด กับ ทหารเรือ เพื่อจะประกาศเรื่อง การประหารของ โปโตกัส ดี เอสในอีก6วันข้างหน้า ส่วน มั้งกี้ ดี กราฟ ปู่ของ ลูฟี่ ก็คุยกับโปโตกัส ดี เอสด้วยสำเนียงที่เอีอมระอา เกี่ยวกับเรื่องพ่อของเอส ซึ่งเอสก็บอกกับกราฟไปว่า"พ่อของผมมีเพียงคนเดียวเท่านั้น" ซึ่งก็คือหนวดขาวนั่นเอง และในขณะเดียวกันลูฟี่ก็ใช้เกียร์ 3 โค่นบาสิลิกลงได้ แล้วก็ได้พบกับ mr3 ลูกน้อง ของ เดอะ ครอคโคไดล์กลับมาที่เอส โปโตกัส ดี เอสซึ่งถูกขังห้องเดียวกัยอัศวินแห่งท้องทะเล จินเบ เจ็ดเทพโจรสลัด ผู้มีอดีตค่าหัว 250 ล้านเบลี และทั้ง2ได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่อง หนวดขาวและรู้สึกขอบใจ ที่หนวดขาว ประกาศว่าเกาะเงือกเป็นอาณาเขตของตน ทำให้ไม่มีศัตรูพวกไหนเข้าไปในอาณาเขตนั้นอีกเลย และแล้วเดอะ ครอคโคไดล์ ก็ได้พูดจุดชนวนให้เหล่านักโทษที่เคยพ่ายแพ้หนวดขาวและโรเจอร์ ทำให้พวกนักโทษพากันคลุ้มคลั่งในขณะเดียวกันพวกลูฟี่ ก็ได้ต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้ายในชั้น2 สู้ไปหนีไปจนไปเจอกับผู้คุมชั้น2 สฟิงซ์ (สิงโตบินหน้าคน) และ mr3กับบากี้ก็ได้ร่วมมือกันคิดจะหลอกใช้ลูฟี่เป็นเหยี่ยล่อแต่การผิดพลาดขึ้นทำให้ mr3 ต้องสู้กับสฟิงซ์ mr3หลอกให้สฟิงซ์โจมตี เหมือนเกมตีตุ๊กตา จนพื้นถล่ม ทำให้ทั้งสามตกลงมาที่ชั้น3อย่างไม่ตั้งใจ ทั้งสองตัดสินใจแยกกับลูฟี่เพื่อจะแหกคุก ตัดกลับมาในชั้นที่เอสโดนขัง เจ๊ดเทพโจรสลัด โบอา แฮนค๊อก ก็ได้พบกับเอสและได้บอกเอสเรื่องที่ลูฟี่กำลังมาช่วย
กลับมาที่ลูฟี่อีกครั้งลูฟี่ซึ่งกำลังวิ่งหนีแหไคโรและพลาดโดนสฟิงซ์ที่ตกลงมาด้วยกันจับได้และกำลังจะกินและแล้วก็มีลูกทีบกระเรียนถีบ สฟิงซ์จนล้มลงแล้วก็มีผู้ที่ปรากฏกายขึ้นมาช่วยลูฟี่อีกคนนั่นคือ mr2 (กระเทย)ลูกน้อง ของ ครอคโคไดล์ อดีตสมาชิกองกรณ์บาล็อกเวิร์ค ลูฟี่ และ mr2 ได้ลงไปที่ชั้น 4 "นรกเพลิง" ได้พบกับผู้อำนวยการอิมเพลดาวน์ แมกเจนแลน ทำให้ mr2ต้องแยกกับลูฟี่ ลูฟี่แพ้แมกเจนแลนจน โดนส่งไปชั้นที่ 5 "นรกเยือกแข็ง" ตัดกลับมาที่บากี้ได้สู้กับฮันนีบาลจนแพ้ แต่ะmr2 มาช่วยไว้ทันและล่อฮันนีบาลไปขังไว้ แล้วจึงแปลงกาย เป็นฮันนีบาล หลอกผู้คุมให้พาไปยังชั้น 5 พร้อมกับบากี้และ mr3 ที่ชั้น 5 พบกับฝูงหมาป่าทำให้บากี้และ mr3 หนีไป mr2 ได้พบลูฟี่แต่ก็บาด จากหมาป่าเจ็บเกินจะช่วยลูพี่ได้ อีก 10ชม.ต่อมา mr2 ได้ฟื้นขึ้นมาที่ชั้น 5.5 "อาณาจักรแห่งกระเทยแห่งใหม่"และได้พบกับ อีวานคอฟอดีต ราชีนีแห่งอาณาจักรกระเทย ,อีมาซูน่า นักปฏิวัติ อีวานคอฟได้ช่วยเหลือลูฟี่จนหายดี ในขณะที่ mr2 สลบเนื่องจากความเหนื่อยอยู่ เมื่ออีวาน คอฟรู้ว่าลูฟี่เป็นลูกของ มังกี้ ดี ดราก้อนนักปฏิวัติซึ่งเป็นเพื่อกับอีวานคอฟ อีวานคอฟจึงตัดสินใจจัช่วยเหลือลูฟี่ และแหกคุก แต่เมื่อไปยัง ชั้น 6 กลับพบว่าเอสถูกพาตัวไปแล้ว(8 AM.) ลูฟี่พยายามจะขึ้นไปช่วยเอส แต่ถูกกับดักขังไว้อยู่ ทันใดนั้น เซอร์ครอคโคไดล์ ซึ่งถูกขังอยู่ที่ชั้น 6 ด้วยบอกลูฟี่ว่า หากช่วยปล่อยตน จะช่วยพาลูฟี่ออกจากคุก และตนเองอยากไปแก้แค้นหนวดขาวด้วยเช่นกัน ที่นั่น ลูฟี่ยังได้พบกับ จินเบ 1 ใน เจ็ดเทพโจรสลัดที่ถูกกักขังไว้ด้วย จินเบบอกว่า อยากจะไปช่วยเอสและหนวดขาว ลูฟี่จึงตัดสินใจช่วยทั้งจินเบและครอคโคไดล์ ตอนนี้ ทีม ของลูฟี่ ประกอบด้วย 1.ลูฟี่ 2.อีวานคอฟ 3.อีมาซูน่า 4.ครอคโคไดล์ 5.จินเบ จากนั้นอีวานคอฟได้แยกตัวกลับกลุ่มลูฟี่เพื่อไปนำเหล่านักโทษ หนีที่ชั้น 5.5 ติดตามลูฟี่ไป (9:45 AM.)ในขณะที่กลุ่มของลูฟี่ได้กำลังมุ่งหน้าพร้อมเคลียร์เส้นทางให้กลุ่มของอีวานคอฟขึ้นไปชั้น 4 ตัดกลับมา ที่บากี้และ mr3 ได้ไปช่วยปล่อยนักโทษที่ชั้น 2 ทำให้ชั้น 2 วุ่นวายขึ้น ขณะเดียวกัน ครอคโคไดล์ได้ช่วยปล่อย mr1 และบรรดานักโทษคน อื่นๆ ขณะนี้กองกำลังแหกคุกของลูฟี่และอีวานคอฟกำลังมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นที่ 3 ในขณะที่เอส ได้ถูกควบคุมตัวโดยพลเรือโท โอนิกุโมะ ถึงมา รีนฟอร์ด(กองบัญชาการกองทัพเรือ)แล้ว ในขณะที่จอมพลเซ็นโงคุได้รับรายงานว่าไม่เจอตัวหนวดขาวเลยขณะนี้หนวดขาวจะโผล่มาตอน ไหนก็ได้ และเจ็ดเทพโจรสลัดหนวดดำยังหายไปอีก ทำให้จอมพลเซ็นโงคุอึ้งไปมาก แต่แล้ว เจ็ดเทพโจรสลัดหนวดดำ ได้ใช้เรือรบลำหนึ่ง บุกไปยังอิมเพลดาวน์ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ในขณะที่แมกเจนแลน ได้จัดการกับนักโทษที่ชั้น 2 ซึ่งก่อจลาจลไว้เรียบร้อยแล้ว แมกเจน แลนมีคำสั่งให้ปล่อยตัวหัวหน้าผู้คุมอิมเพลดาวน์ ชีริว แห่งสายฝน ซึ่งถูกจองจำอยู่ที่ชั้น 6 ออกมากันหนวดดำไว้ และมีคำสั่ง ให้ฮันนิบาล พยายามสกัดกลุ่มของลูฟี่ไว้ให้ได้มากที่สุด ส่วนตัวเองหลังจากขึ้นไปวัดความเสียหายที่ทางเข้าแล้วจะตามลงไป ในขณะที่กลุ่มของลูฟี่และ อีวานคอฟ กำลังบุกไปยังชั้น 3 ได้มีการส่งฝูงบลูโกรี่มาจัดการ แต่ก็ถูกอิวานคอฟจัดการแค่ครั้งเดียวจอดหมดทั้งฝูง และแล้วผู้คุมซาดี้จังและ เหล่าองค์รักษ์ปีศาจมาทันเวลาพอดี เหล่าองค์รักษ์ปีศาจทั้ง 3 ซึ่งเป็นองค์รักษ์ที่แข็งแกร่งมาก ก็ถูกลูฟี่ ครอคโคไดล์ และจินเบจัดการทีเดียว จอดเช่นกัน หนวดดำมาเจอกับชีริวโดยคิดว่าชีริวคือแมกเจนแลน ที่ทางขึ้นชั้น 3 กองกำลังกำลังปะทะกับบรรดาผู้คุม พวกลูฟี่ได้พบกับ ผู้คุมซาดี้จัง อิวะเป็นคู่ต่อสู้กับซาดี้ โดยให้ลูฟี่และอินาซูม่าล่วงหน้าไปก่อน แต่ก็ดันมาเจอฮันนิบาลที่มาพร้อมกับดาบสูบเลือดสกัดไว้ แต่ก็ โดนลูฟี่ซัดจนกระเด็น แมกเจนเลนใช้ลิฟท์มาถึงชั้น 4 พอดี และกำลังมุ่งหน้าไปที่ทางขึ้นชั้น 3 ลูฟี่ยังสู้กับฮันนิบาลอยู่ เพราะฮันนิบาลฝีมือยัง ไม่ถึงขึ้นประมือกับลูฟี่ ในขณะที่ฮันนิบาลบาดเจ็บอย่างมากแล้วนั้น ยังไม่ยอมแพ้ลูฟี่ เลยถูกหนวดดำวาร์ปมาจัดการจนปางตาย ลูฟี่จำหนวดดำ ได้ ว่าเป็นคนที่เคยไล่ตามลูฟี่และเป็นคนจับตัวเอสไป หนวดดำก็รู้เช่นเดียวกันว่าลูฟี่คือคนที่ปราบเจ็ดเทพโจรสลัดครอคโคไดล์ลงได้ หนวดดำจึงบอกกับลูฟี่ว่า ตนเองในตอนนั้น ต้อการที่จะเข้าแทรกตำแหน่งเจ็ดเทพโจรสลัด จึงคิดจะไปจับตัวลูฟี่ที่อยู่ที่ W7 แต่ดันไปเจอกับ เอสซะก่อนเลยจัดการจับตัวเอสส่งให้รัฐบาล ทำให้หนวดดำได้เป็นเจ็ดเทพโจรสลัดสมใจ ยังบอกลูฟี่ว่าควรจะไปขอบคุณเอสที่หลุมศพด้วย ถ้าเอสไม่โผล่มาตอนนั้น ลูฟี่นั่นแหล่ะที่จะถูกฆ่า ทำให้ลูฟี่โกรธจัดจนซัดหนวดดำกระเด็นเข้าให้ แล้วหนวดดำก็ซัดลูฟี่คืน ลูฟี่จะสู้ต่อ แต่ถูกจินเบหยุดไว้ ครอคโคไดล์ถามเรื่องที่ทำไมหนวดดำมาอยู่ที่นี่ หนวดดำเพียงตอบไปว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ และไม่ขอบอก ขณะนั้น แมกเจนแลนมาถึงพอดี และยังมิโนทอรอสที่ฟื้นขึ้นมาอีกด้วย ขณะที่ห้องควบคุม ก็ถูกชีริว จัดการตัดสัญญาณเชื่อมต่อกับกองทัพเรือ และรัฐบาลโลกทั้งหมด และยังฆ่าผู้คุมที่ห้องควบคุมทั้งหมดอีกด้วย ในขณะที่บากี้และ Mr.3 ได้นำกองกำลังที่เหลือ ฝ่ามาถึงชั้น 2 ได้แล้ว ลูฟี่ บอกหนวดดำว่าจะไปช่วยเอส หนวดดำจึงบอกว่า "โลกนี้ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ อาณาจักรแห่งท้องฟ้ามันก็มีจริงๆ ชั้นพูดถูกไหม เช่นเดียวกับ การออกตามหาวันพีช ที่ข้างนอกนั่น แกต้องเชื่อมันไอ่หนู ไม่กี่ชั่วโมงเราจะแสดงให้ได้เห็น สิ่งที่สามารถสั่นคลอนโลกทั้งใบได้ !!" กองกำลัง ของลูฟี่จึงมุ่งหน้าสู่ชั้น 3 ต่อ แมกเจนแลนมาพบกับซาดี้จังในสภาพถูกมัดห้อยไว้ หนวดดำกล่าวทักทายแมกเจนแลน แมกเจนแลนโจมตีหนวด ดำทันที หนวดดำถูกแมกเจนแลนแล่นงาน? แมกเจนเลนเดินผ่านหนวดดำไปเจอกับฮันนิบาล แล้วบอกว่าจะยกหน้าที่หัวหน้าให้ฮันนิบาล อย่า พึ่งตายซะล่ะ "หมวกฟางงงง ชั้นจะไม่ปล่อยให้แกออกไปแบบมีชีวิตอย่างเด็ดขาด" แมกเจนแลนตะโกนเสียงดังก้องไปทั้งอิมเพลดาวน์ ที่ชั้น 2 เพราะหนวดดำทำลายพิษให้หมดแล้ว พวกบากี้จึงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ในขณะที่ชั้น 3 พวกลูฟี่ก็มาเจอกับแมกเจนแลน แต่อีวานคอฟ และอีนาซูม่ามากันไว้ อีวานคอฟสั่งให้อีนาซูม่าตัดกำแพงมาปิดทางเดินต่อไปซะ ส่วนตนเองจะสู้กับแมกเจนแลน พวกลูฟี่มาถึงชั้น 2 แล้วด้วย ความเป็นห่วงอีวานคอฟแต่ต้องเดินหน้าต่อไป เท่านั้น ตัดมาที่ชั้น 3 อีนาซูม่ายืนรอลุ้นผลแพ้ชนะที่จะออกมา แต่ปรากฏว่า คนที่ยืนหยัดอยู่ได้ กลับกลายเป็นแมกเจนแลน !! ในขณะที่อสูรผู้คุมกฎ ก็ฟื้นขึ้นมาและตามตะปบพวกบากี้ที่ชั้น 2 พวกบากี้และ Mr.3 ฟนีอสูรผู้คุมกฎมาพบกับ ท่านเซอร์ คอรคโคไดล์ และจินเบ บากี้และ Mr.3 ตกใจที่ได้พบกับครอคโคไดล์ และจินเบ ในขณะที่แมกเจนแลน ก็ตามมาทันจนได้ และใช้ ท่าพิษจะโจมตีพวกลูฟี่ แต่ Mr.3 ใช้กำแพงเทียนไขกันไว้ให้ จากนั้น จินเบและครอคโคไดล์ก็ได้ไปชิงเรือจากกองทัพเรือและหลบหนีออกมา จากอิมเพลดาวน์ ได้ด้วยความช่วยเหลือของmr2 ที่ปลอมตัวเป็นแมกเจนแลนช่วยเปิดประตูแห่งความยุติธรรม
ขณะเดียวกันนั้นเองที่ศูนย์บัญชาการหลักกองทัพเรือ มารีน ฟอร์ท รัฐบาลโลกก็เริ่มถ่ายทอดสดการประหารของเอส และได้ประกาศว่าเอสเป็นลูกของ โกลโรเจอร์ แต่แล้วจู่ๆเรือของหนวดขาวก็ปรากฏขึ้นหน้าลานประหาร การต่อสู้อันดุเดือดกำลังเริ่มขึ้นและดำเนินไป ลูฟี่และพวกปรากฏตัว การต่อสู้ยังดำเนินไป จนในที่สุดสามารถช่วยเอสได้สำเร็จ หนวดขาวสั่งถอย แต่เอสกลับตาย ส่งผลให้ลูฟี่ช๊อกจนไร้สติ คนอื่นๆก็ได้พยายามคุ้มกันและพาลูฟี่ไปขึ้นเรือ และหนวดดำได้ปรากฏหัวขึ้นที่ลานประหารพร้อมกับมีพรรคพวกเพิ่มขึ้นมาและได้ประกาศขึ้นว่าที่ตนเข้าเป็นเจ็ดเทพโจรสลัดนั้นก็แค่ต้องการบุกเข้าอิมเพลดาวน์และตอนนี้ไม่ต้องการตำแหน่งนี้แล้ว เท่ากับว่าขณะนี้หนวดดำได้ออกจากการเป็นเจ็ดเทพโจรสลัดแล้ว หนวดดำได้โจมตีหนวดขาวแต่ทำอะไรหนวดขาวไม่ได้และยังโดนหนวดขาวโต้กับอย่างรุนแรงจนถึงขนาดต้องร้องขอชีวิต แต่พวกของหนวดดำได้รุมยิงรุมฟันหนวดขาวจนกระสุนหมดหนวดขาวก็ยังไม่ตายไม่แม้แต่ล้มลง หนวดขาวได้บอกว่า "D" คือคนที่จะมาต่อต้านกับรัฐบาลโลกในภายหลัง เมื่อพูดจบหนวดขาวก็ได้เสียชีวิตลง "ทั้งๆที่ยืนอยู่" และพวกของหนวดดำก็ได้ใช้ผ้าคลุมศพหนวดขาวและตัวของหนวดดำ และซักพักหนวดดำก็ออกมาพร้อมกับพลังของผลกุระกุระ ที่มีพลังของหนวดขาวพลังคลื่ออยู่ในตัวเท่ากับว่า หนวดดำมีผลปิศาจ อยู่2 ผลนั่นเองและประกาศศึกกับรัฐบาลโลก พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงยุคของเหล่าโจรสลัดใน ขณะเดียวกัน ทาราการ์ป ลอร์ 1ในโจรสลัดที่มีค่าหัวเกิน 100 ล้าน ที่หมู่เกาะซาบอนดี้ ได้มาช่วยลูฟี่หนีจากการไล่ล่าของ อาคาอินุ เพราะไม่อยากที่จะให้ต้องมาตายถ้าตัวเองไม่ได้เป็นคนลงมืองฆ่าเองจากนั้น โคบี้ ได้ร้องส่งเสียงดังร้องขอให้ว่า ไม่ควรที่จะเอาชีวิตของทุกคนมาทิ้งไว้ที่นี้ ในขณะเดียวกัน พลเอก แห่งกองทัพเรือ อาคาอินุ(มนุษย์ ลาวา) ได้ตัดสินใจโจมตีใส่ โคบี้ที่ขวางทางในการจับกุมลูฟี่ ในขณะที่กำลังจะโจมตีใส่โคบี้ นั้น แชงคูส ผมแดงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาหยุดการโจมตีของ อาคาอินุ เอาไว้ และประกาศว่าสาเหตุที่มานี่ก็เพราะมาเมื่อยุติสงคราม หลังจากนั้นไม่นานสงครามก็ยุติลงหลังจากที่แชงคูส ปรากฏตัวพร้อมกับคำพูดที่ว่า เห็นแก่หน้าฉันก็แล้วกันจากนั้นเรือที่พาลูฟี่หนีก็หายลงไปในทะเล หลังจากสงครามจบเรื่องราว ของสงคราม ทั้งหมด ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกว่าสงครามครั้งนี้รัฐบาลโลกเป็นผ่ายชนะ ลูฟี่ได้รับการช่วยเหลือจาก ลอฟ์ จนรอดชีวิต อย่างปางตายเหล่ายุคใหม่ของโลกสลัดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ซูปเปอร์โนว่า ทั้งหมด และ [[สื่อ:โจรสลัดหนวดน้ำตาล]] ปรากฏตัวขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น โด ฟามิงโก ได้รับคำสั่งให้จัดการกับ โมเลียที่เป็น 7เทพโจรสลัดด้วยกัน จากคำสั่งของบุคคลที่มีอำนาจอยู่เหนือกว่า จอมพล เซ็นโงคุ
ส่วนทางดาน ลูฟี่นั้น ก็ใด้รับความช่วยเหลือจาก โบอา แฮนค็อค หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดในการให้เกาะอมาซอน ลิลี่ เป็นที่พำนักพักฟื้นร่างกาย พร้อมกับ ลอว์ กับ จินเบ ณ วินาที่นั้น ลูฟี่ คลั่ง เพราะ เอส ซึ่งเป็นพี่ชายของตนตายในสงครามโลก ลูฟี่จึงหวนนึกถึงอดีตของตนขึ้นมา
10ปีที่แล้วโดยประมาณ ณ.หมู่บ้านฟูซา ซึ่งเป็นบ้านเกิด ของลูฟี่นั้นเอง

ตัวละคร
ดูตัวละครทั้งหมดได้ที่ ตัวละครวันพีซ
รายชื่อตอนทั้งหมด
• รายชื่อตอนในฉบับหนังสือการ์ตูนดูได้ที่ รายชื่อตอนวันพีซ (มังงะ)
• รายชื่อตอนที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ดูได้ที่ รายชื่อตอนวันพีซ (อะนิเมะ)
ชื่อเฉพาะในเรื่อง
วันพีซ
สมบัติในตำนานโดยเชื่อว่าซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกสุดของแกรนด์ไลน์ โดยจ้าวแห่งโจรสลัด โกลด์ โรเจอร์ โดยวันพีซไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาและรูปร่างเป็นอย่างไร
โพเนกลีฟ
ก้อนหินทรงลูกบาศก์ (เหมือนเดอะ คิวบ์ใน transformer) ที่สลักตัวอักษรโบราณ (คล้ายกับอักษร เฮียโรกลิฟของอียิปต์) ไว้เกี่ยวกับเรื่องราวของอาวุธโบราณ พูลตัน และ โพเซดอนโดยมีความเชื่อว่า รีลโพเนกลีฟ (โพเนกลีฟที่แท้จริง) ที่เก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ช่วงร้อยปีแห่งความว่างเปล่าทั้งหมดอยู่ที่เกาะรัฟเทลซึ่งเป็นจุดสุดทางของแกรนด์ไลน์ และเป็นจุดมุ่งหมายของ นิโค โรบิน
แกรนด์ไลน์
(คะตะคานะ: グランドライン, กุรันโดะระอิน, คันจิ: 偉大なる海路, อิดะอินะรุคะอิโระ หมายถึงเส้นทางของทะเลหลัก) เป็นเส้นกระแสน้ำในมหาสมุทรไหลจากทิศตะวันออกไปตะวันตกรอบโลกและตั้งฉากกับเส้นกระแสน้ำเรดไลน์ โดยแกรนด์ไลน์เปรียบเสมือนเส้นศูนย์สูตร และเรดไลน์เป็นเส้นไพรม์เมริเดียน แบ่งทะเลออกเป็น 4 ส่วน คือ นอร์ทบลู อีสท์บลู เวสท์บลู และเซาท์บลู โดยแกรนด์ไลน์เป็นสถานที่อันตรายที่สุดในโลกของวันพีซ มีฉายาว่าสุสานโจรสลัด แต่ตอนนี้มีการเปิดเผยเกี่ยวกับสถานที่ที่เรียกว่า โลกใหม่ ซึ่งเป็นครึ่งหลังของแกรนไลน์ด้วย
เรดไลน์
เป็นชื่อของทวีปเรดไลน์ มีลักษณะตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตร เป็นวงแหวนล้อมรอบโลกในเรื่องวันพีซไว้ (เป็นสื่อสารโจรสลัด)
คามเบลท์
ทะเลสองสายที่ขนาบข้างไปกับแกรนไลน์ทั้ง2ด้าน มีสัตว์ทะเลยักษ์อาศัยอยู่มากมายยิ่งนักและไม่มีลมพัดผ่าน จึงยากที่จะใช้เป็นเส้นทางสัญจร
ผลปิศาจ
(悪魔の実, อะคุมะโนะมิ หมายถึงผลไม้ปีศาจ) เป็นผลไม้ที่จะให้พลังพิเศษกับผู้ที่กิน โดยพลังต่างๆ จะเป็นพลังที่แปลกประหลาด ซึ่งผลปีศาจแต่ละชนิดนั้นจะมีเพียง1ผลต่อ1ชนิดเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันต้องแลกกับการที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้
ผลปิศาจแบ่งออกเป็น 3 สายคือ
• โรเกีย - สายธรรมชาติ ผู้ที่กินเข้าไปจะสามารถกลายเป็นสสารนั้นๆ เช่นกลายเป็นไฟ หรือกลายเป็นสายฟ้า
• พารามิเซีย - สายพลังเหนือมนุษย์ อย่างเช่น ลูฟี่มีพลังยางยืด โรบินมีพลังแตกหน่อ เป็นต้น
• โซออน - สายที่ใช้พลังของสัตว์ นอกจากนั้นยังเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์นั้นๆได้อีกด้วย มีความดุร้ายป่าเถื่อนที่สุดในบรรดาผลปิศาจ และการฟื้นฟูของร่างกายผู้ใช้ขั้นสุดยอด ผู้ที่กินไปจะสามารถแปลงร่างได้ 3 ระดับคือ "ร่างคน ร่างกึ่งคน/กึ่งสัตว์ ร่างสัตว์" ผู้ที่กินก็คือ ลุจจิผลโซออนเสือดาว คาคุผลโซออนยีราฟ ปืนสุนัขรัคชู จาคา เปรู เป็นต้น
ล็อกโพส
(คะตะคานะ: ログポース, โระกุโพสุ, คันจิ: 記録指針, คิโระคุ ชินชิน หมายถึง เข็มทิศบันทึกการเดินทาง) เป็นเข็มทิศที่ใช้ในแกรนด์ไลน์ เนื่องจากสนามแม่เหล็กในแกรนด์ไลน์แตกต่างกันไปในแต่ละจุด ไม่เหมือนสนามแม่เหล็กโลกทั่วไป จึงต้องพึ่งล็อกโพสเป็นหลักในการเดินเรือในแกรนด์ไลน์ โดยล็อกโพสจำเป็นต้องทำการบันทึกสำหรับเดินทางไปเกาะต่อไปในช่วงเวลาที่อยู่ภายในเกาะนั้นๆ โดยระยะเวลาการบันทึกจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเกาะ
เอเทอนอล โพส
เข็มทิศที่ล็อกเป้าหมายของเกาะอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นเกาะๆไป
ออลบลู
(ญี่ปุ่น: オールブルー Ōruburū โอรุบุรู ?) หรือในภาษาอังกฤษว่า All Blue เป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งในการ์ตูนเรื่อง วันพีซ ออลบลู เป็นชื่อทะเลในตำนานที่เชื่อว่าทะเลที่มีปลาทุกชนิดในโลกรวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยเกิดจากการบรรจบกันของทะเลนอร์ทบลู อีสท์บลู เวสท์บลู และเซาท์บลู โดยมีความเชื่อว่าอยู่ในแกรนด์ไลน์ ออลบลูเป็นสถานที่ในความฝันของซันจิและเซฟขาแดง และเป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้
D
เป็นส่วนสำคัญที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นถึงบทอวสาน จากที่เปิดเผยมาก็มีตอนเกาะแห่งท้องฟ้าและจากตอนโอฮารา ที่ดอกเตอร์โครบาได้ให้ความเห็นไว้ว่า ในอดีต มีอาณาจักรหนึ่ง เป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองไร้ผู้ใดจะมาเทียบเคียง (ความเห็นของผู้เขียน อาจมีความเป็นไปได้ว่า ผู้คนในอาณาจักรนี้ ใช้ตัว D เป็นอักษรตัวกลางของชื่อ) ดอกเตอร์โครบาว่า ต่อมาได้มีศัตรูร้ายกาจ ที่ชื่อ รัฐบาลโลก (ชื่อที่สมมุติขึ้น) เข้าช่วงชิงและทำลายอาณาจักรนี้จนพินาศย่อยยับ ผู้คนของที่นี่จึงสลักจดหมายเหตุลงใน หินที่แข็งแกร่งที่เรียกว่า "โพเนกลีฟ"
แล้วส่งมันกระจายไปทั่วโลก เพื่อให้ลูกหลานที่มีชื่อกลางว่า D ได้รับรู้เหตุการณ์นั้นในอนาคต
ร้อยปีแห่งความว่างเปล่า
• เป็นเวลานับย้อนไปเมื่อ800ปีก่อน ทางรัฐบาลโลกออกกฎหมายสั่งห้ามค้นคว้าเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
• ผู้แต่งวันพีซต้องการสื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าช่วงเวลานั้นมีความสัมพันธ์กับการถือกำเนิดของรัฐบาลโลกอย่างใกล้ชิด

doraemon


โดราเอมอน (ญี่ปุ่น: ドラえもん Dora'emon โดะระเอะมง ) หรือ โดเรมอน เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แต่งโดย ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เรื่องราวของหุ่นยนต์แมวหูด้วน ชื่อ โดราเอมอน โดยฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ได้กล่าวว่าโดราเอมอนเกิดวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 มาจากอนาคตเพื่อกลับมาช่วยเหลือโนบิตะ เด็กประถมจอมขี้เกียจด้วยของวิเศษจากอนาคต โดราเอมอนเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2513 โดยสำนักพิมพ์โชงะกุกังโดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 1,344 ตอน ต่อมาในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2540 โดราเอมอนได้รับรางวัล Tezuka Osamu Cultural Prize ครั้งที่ 1 ในสาขาการ์ตูนดีเด่น อีกทั้งยังได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์เอเชีย ให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย จากประเทศญี่ปุ่นจากนั้นในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดราเอมอนก็ได้รับเลือกให้เป็นทูตสันถวไมตรีเพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้บริษัทบันได ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าการ์ตูนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ยังได้ผลิตหุ่นยนต์โดราเอมอนของจริงขึ้นมาในชื่อว่า "My โดราเอมอน" โดยออกวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552ในประเทศไทย โดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูนมีการตีพิมพ์โดยหลายสำนักพิมพ์ในช่วงก่อนที่จะมีลิขสิทธิ์การ์ตูนแต่ปัจจุบัน สำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์แต่เพียงผู้เดียว ส่วนฉบับอะนิเมะ ออกอากาศทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. หรือโมเดิร์นไนน์ทีวี ในปัจจุบัน และวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี-ดีวีดี ลิขสิทธิ์โดยบริษัทโรส มีเดีย
เนื้อเรื่องส่วนมากจะเกี่ยวกับปัญหาของโนบิตะเด็กชายชั้น ป.4 ที่มักถูกเพื่อนๆ แกล้ง (แต่บ่อยครั้งก็เป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวเอง) ไม่ค่อยชอบทำการบ้าน,อ่านหนังสือ และไปโรงเรียนสายบ่อย ๆ โดยมีเพื่อนที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องคือโดราเอมอน (โนบิตะทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องพึ่งโดราเอม่อนแทบทุกอย่าง) หุ่นยนต์แมวจากอนาคตที่คอยดูแลช่วยเหลือโนบิตะตลอดเวลาด้วยของวิเศษจากอนาคต ไจแอนท์เด็กที่ดูเป็นอันธพาล แต่ที่จริงเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและรักการร้องเพลง ซูเนโอะผู้มีฐานะทางบ้านดีที่สุดในกลุ่ม มีนิสัยชอบคุยโม้ เป็นคู่หูกับไจแอนท์ที่คอยกลั่นแกล้งโนบิตะอยู่ตลอด เดคิสุงิ เป็นเด็กเรียนเก่ง นิสัยดี รักความถูกต้อง มีน้ำใจ แต่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ชิซุกะผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเป็นเด็กเรียนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเด็กสาวที่โนบิตะหลงรัก ในอนาคตก็ได้มาเป็นเจ้าสาวของโนบิตะด้วย ไจโกะน้องสาวของใจแอนท์ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ตัวละครสำคัญนอกจากนี้ก็มีโดเรมี หุ่นยนต์แมวที่มีกระเป๋ามิติที่ 4 และของวิเศษ (แต่จะออกน่ารักๆ ดูเป็นแบบผู้หญิงมากกว่า) เช่นเดียวกับโดราเอมอนผู้เป็นพี่ชาย และคุณพ่อและแม่ของโนบิตะ ซึ่งแม่ดูจะมีบทบาทในเรื่องมากกว่าพ่อ เพราะพ่อเตี้ยมากมาย 555+แม้ว่าโนบิตะ ไจแอนท์ ซูเนโอะ และคนอื่นจะดูเหมือนมีปัญหากันบ่อยแต่ลึกแล้วก็รักและช่วยเหลือกันดี จะเห็นได้จากตอนพิเศษต่างๆ ที่เด็กกลุ่มนี้ต้องออกไปผจญภัย (บางทีก็นอกโลก ใต้ทะเล หรือว่ายุคไดโนเสาร์)
รายชื่อตัวละคร
ในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก 4 คน และมีหุ่นยนต์แมวจากอนาคตเป็นตัวละครหลักดังนี้
โดราเอมอน
หุ่นยนต์แมวจากอนาคตกลับมาช่วยเหลือโนบิตะ โดยเซวาชิผู้เป็นหลานของโนบิตะเป็นผู้ส่งมา (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ฉันทนา ธาราจันทร์])
โนบิตะ
เด็กชายที่ไม่เอาไหน ทั้งเรื่องการเรียน กีฬา นิสัยขี้เกียจ และชอบนอนกลางวัน แต่ก็มีความสามารถด้านยิงปืนและพันด้าย ชอบชิซุกะมานาน และถูกไจแอนท์กับซึเนะโอะแกล้งประจำ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศันสนีย์ วัฒนานุกูล)
ชิซุกะ
เด็กสาวน้ำใจดี เป็นที่รักของทุกคน ชอบการอาบน้ำเป็นอย่างมาก และชอบกินมันเผาเป็นพิเศษ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาค])
ซึเนะโอะ
เด็กขี้อวดประจำโรงเรียน ฐานะดี และเป็นเพื่อนซี้กับไจแอนท์ ชอบพูดยกยอ และขี้ประจบ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส])
ไจแอนท์
เด็กอ้วน หัวโจกประจำกลุ่ม ชอบแกล้งโนบิตะเป็นประจำ แต่ก็มีหลายครั้งที่แสดงความผูกพันกับโนบิตะ (อยากขอร้องให้ช่วย) ฝันอยากจะเป็นนักร้องแต่เสียงไม่เอาไหน (พากย์เสียงภาษาไทยโดย นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์[)
โดเรมี
หุ่นยนต์แมวจากอนาคต น้องสาวของโดราเอมอน แต่ประสิทธิภาพสูงกว่าทุกด้านเช่น ความรู้ วิธีใช้ของวิเศษ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
ความนิยม
โดราเอมอนเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย และแม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงไปนานแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยมีการพิมพ์ใหม่ หรือนำออกมาฉายซ้ำออกอากาศอยู่เรื่อยๆ
เคยมีการวิเคราะห์ด้วยเหตุผลทางจิตวิทยาว่าสาเหตุที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นที่นิยมมากนั้น เป็นเพราะตัวละครโนบิตะ มีลักษณะเป็นคนอ่อนแอ ขี้แพ้ ทำอะไรก็มักไม่ค่อยสำเร็จ หากมีเรื่องที่ถนัดอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่สังคมไม่ให้ความสำคัญหรือการยกย่อง เช่น เล่นพันด้าย หรือยิงปืนแม่น[และเนื่องจากลักษณะนี้เองทำให้ผู้อ่านส่วนใหญ่มีความรู้สึก "มีส่วนร่วม" และเปิดใจให้ตัวละครอย่างโนบิตะเข้ามาในจิตใจได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าตนเองคือผู้แพ้ คือผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกรังแก ไร้ความสามารถ หน้าตาไม่ดี ไม่มีความสามารถ และย่อมอยากและหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีผู้มาช่วยเหลือเรื่องต่โดราเอมอนนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นแม่อย่างหนึ่งก็ได้ จากเรื่องจะเห็นได้ว่า โดราเอมอนมักออกมาช่วยเหลือ ปกป้อง แก้ปัญหาให้โนบิตะ ในยามคับขันหรือเดือดร้อน เสมอๆ เป็นบทบาทของ "แม่ผู้ใจดี" ซึ่งก็คือสิ่งที่มนุษย์เราต้องการอยู่ลึกๆ และในบางตอนโดราเอมอนก็แสดงบท "แม่ใจร้าย" คือการแก้เผ็ดหรือปล่อยให้โนบิตะผจญกับความยากลำบากที่มักเป็นผู้ก่อขึ้นเองจากความรู้สึกในด้านชั่วร้าย เช่นการอิจฉาริษยาผู้อื่น การเกลียดชังผู้อื่น การโกหก เพื่อเป็นการสั่งสอนโนบิตะให้รู้จักความผิดชอบชั่วดีางๆให้แก่เรา ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือโดราเอมอนนั่นเอง

reborn


Reborn ครูพิเศษจอมป่วน
ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! (ญี่ปุ่น: 家庭教師ヒットマンREBORN! Katekyō Hittoman Ribōn! ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ยังดำเนินเรื่องอยู่ เรื่องและภาพโดย อากิระ อามาโนะ[1] โครงเรื่องมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของ ซาวาดะ สึนะโยชิ เด็กนักเรียนมัธยมต้นโรงเรียนนามิโมริที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย จนกระทั่ง "รีบอร์น" นักฆ่ามือของวองโกเล่ แฟมิลี่ มาเฟียแห่งอิตาลี เพื่อฝึกให้สึนะเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียรุ่นที่ 10 ของวองโกเล่ แฟมิลี่[1] ผู้เป็นทายาทโดยตรงของตระกูล
ในประเทศญี่ปุ่น การ์ตูนครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! ตีพิมพ์ในนิตยสารรายสัปดาห์ โชเน็นจัมป์ โดยติดหนึ่งในอันดับขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น[2] และตีพิมพ์เป็นฉบับรวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ปัจจุบันตีพิมพ์มาแล้ว 28 เล่ม สำหรับภาพยนตร์การ์ตูนครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! ผลิตโดยบริษัทอาร์ทแลนด์ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบัน ทางช่องทีวีโตเกียว
ในประเทศไทย ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! ได้รับลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์รายสัปดาห์ในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์ และตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนรวมเล่มมาแล้ว 24 เล่ม ส่วนภาพยนตร์การ์ตูนได้รับลิขสิทธิ์โดยบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ มีการวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบวีซีดีและดีวีดี และได้รับการออกอากาศทางช่องแก๊งการ์ตูน แชนแนลของบริษัทโรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์
เนื้อเรื่อง
ภาคฝึกฝน
ซาวาดะ สึนะโยชิ เป็นเด็กม.ต้นที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องทุกด้าน จนถูกเรียกชื่อว่า "สึนะจอมห่วย" วันหนึ่ง สึนะก็ได้พบกับ เด็กชายท่าทางประหลาดคนหนึ่ง ซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นครูสอนพิเศษที่แม่ของสึนะจ้างมาชื่อว่า "รีบอร์น"มาจากอิตาลี สึนะไม่ยอมรับว่ารีบอร์นซึ่งดูเป็นทารกอยู่ จะเป็นครูสอนพิเศษได้ จนกระทั่งถูกยิงด้วย "กระสุนดับเครื่องชน" ที่กลางหน้า ทำให้สึนะรู้สึกว่าตัวเองจะต้องตาย และรู้สึกเสียใจว่าถ้าหากพยายามสารภาพรักกับซาซางาวะ เคียวโกะ อย่างเอาเป็นเอาตาย เธออาจจะยอมรับรักของเขาก็ได้ ทันทีที่คิดเช่นนั้น ไฟดับเครื่องชนก็ถูกจุดขึ้นที่หน้าผากของสึนะ
เสื้อผ้าของเขาขาดออก และเขาก็วิ่งไปสารภาพรักกับซาซางาวะ เคียวโกะที่เดินอยู่กับรุ่นพี่โมจิดะ อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยพลังที่เหลือเชื่อ ผลจากการสารภาพรักครั้งนี้คือเคียวโกะตกใจจนพูดไม่ออก เพราะวิ่งมาสารภาพรักโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้า จากนั้นสึนะจึงยอมรับว่ากระสุนดับเครื่องชนของรีบอร์นมีพลังวิเศษ และรีบอร์นก็ประกาศว่าหน้าที่ที่แท้จริงของเขาคือ การฝึกให้สึนะเป็นหัวหน้าของ "วองโกเล่ แฟมิลี่" ที่เป็นแก๊งค์มาเฟียขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงมากในอิตาลี
รีบอร์นบอกว่าวองโกเล่ แฟมิลี่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน หัวหน้าคนปัจจุบันคือรุ่นที่เก้า และสึนะจะต้องเป็นรุ่นที่สิบต่อไป โดยหัวหน้ารุ่นแรกคือทวดของทวดของสึนะ เป็นผู้ก่อตั้งวองโกเล่ขึ้น และล้างมือมาอยู่ญี่ปุ่น
หลังจากสึนะแสดงวีรกรรมสารภาพรักในสภาพเปลือยเปล่า รุ่นพี่โมจิดะ ที่แอบชอบเคียวโกะรู้สึกไม่พอใจสึนะ จึงคิดจะให้สึนะขายหน้า โดยให้สึนะประลองเคนโด้ด้วยและวางแผนแกล้งไม่ให้ทำอิปป้งได้ ตอนแรกสึนะไม่กล้าสู้ แต่ต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่าถึงจะแพ้แต่ก็จะกลับไปสู้ รีบอร์นจึงยิงกระสุนดับเครื่องชนใส่ สึนะวิ่งเข้าใส่ในชุดกางเกงในก็ทำอิปป้งด้วยการกระชากผมของรุ่นพี่โมจิดะออกจากหัว (ป้งแปลอีกอย่างได้ว่าเส้นผม) ทำให้เพื่อน ๆ ประทับใจในแรงฮึดกับมุกของสึนะ และเดียวโกะก็คุยกับสึนะเป็นครั้งแรก
ผลจากการชนะรุ่นพี่ ทำให้เพื่อน ๆ ชวนสึนะเล่นวอลเล่ย์บอล ช่วงแรกสึนะคิดว่าจะให้รีบอร์นยิงกระสุนช่วย แต่รีบอร์นบอกว่าถ้ายิงโดยไม่มีอะไรคาใจก็ตายจริงแน่ สึนะจึงหนีไป แต่ก็กลับมาด้วยความรับผิดชอบ ในที่สุดรีบอร์นก็ช่วยด้วยการยิงกระสุนดับเครื่องชนที่อื่น จนสึนะชนะได้ ความไม่ได้เรื่องของสึนะอยู่ในสายตาของ "โกคุเดระ ฮายาโตะ" ผู้มาจากอิตาลี ทำให้โกคุเดระไม่ยอมรับสึนะเป็นหัวหน้าของวองโกเล่ จึงท้าประลองโดยโกคุเดระใช้ระเบิดเป็นอาวุธ แต่หลังจากโกคุเดระ ทำระเบิดหล่น และสึนะในโหมดดับเครื่องชน ได้ช่วยดับระเบิดทั้งหมดได้ทัน และเข้าเป็นแฟมิลี่คนแรกของสึนะ
จากผลงานของสึนะที่เริ่มก่อวีรกรรมมากขึ้น (โกคุเดระมีส่วนที่ทำให้วีรกรรมยิ่งโดดเด่น เช่น การระเบิดสนามของโรงเรียน) ทำให้ยามาโมโตะ ทาเคชิ นักเบสบอลของโรงเรียนสนใจเขา ยามาโมโตะมีปัญหากับการเล่นเบสบอลจึงมาปรึกษาสึนะ สึนะบอกให้พยายามซ้อม ยามาโมโตะจึงซ้อมจะแขนหักและเสียใจมากคิดฆ่าตัวตายโดยโดดตึกเรียน สึนะเข้าไปห้ามจนยามาโมโตะเริ่มคิดตก แต่กลับเกิดอุบัติเหตุทำให้ยามาโมโตะร่วงลงไป สึนะโดดตามไปช่วยโดยรีบอร์นสนับสนุนด้วยกระสุนดับเครื่องชน ทำให้ทั้งคู่รอดชีวิตทั้งที่ตกตึกมาด้วยกัน ยามาโมโตะกลายเป็นเพื่อนคนแรกของสึนะ
สึนะได้รู้จักกับแรมโบ้ นักฆ่าที่เป็นเด็กอายุห้าขวบ ที่มาลอบสังหารรีบอร์นแต่ไม่เคยทำสำเร็จ จนกลายเป็นเด็กในบ้านสึนะ และอี้ผิง นักฆ่าที่มาลอบฆ่าสึนะด้วยความเข้าใจผิดเนื่องจากสายตาสั้น ภายหลังได้มาอาศัยในบ้านสึนะ ทำให้สมาชิกในบ้านมีเพิ่มขึ้น และก่อเรื่องปวดหัวให้สึนะมากขึ้น รวมถึง "เบียงกี้" พี่สาวของโกคุเทระ นักฆ่าที่ทำให้อาหารเป็นพิษที่คิดจะมาฆ่าสึนะตลอดเวลาเพื่อพารีบอร์นกลับไป แต่ความที่เบียงกี้ชอบรีบอร์นมากจึงรับคำ ไม่ฆ่า สึนะอีก และดีโน่ หัวหน้าคาบัคโรเน่แฟมิลี่ เป็นศิษย์รุ่นพี่ของสึนะโดยเคยเป็นลูกศิษย์ของรีบอร์นมาก่อน จนมาถึงตอนที่ ฟูตะ นักจัดอันดับแรงกิ้งที่แม่นยำที่สุด โดยมาเฟีย ไล่ล่าขอรายชื่อ เพื่อตามล้างบางแฟมิลี่อื่น ต้องให้สึนะมาช่วย จนต้องมาอยู่ด้วยกันอีก
การท้าทายจากมุคุโร่
หลังจากที่เริ่มการฝึกไปได้ไม่นาน "มุคุโร่" ได้นำนักฆ่าหลายคนเข้าทำร้ายเด็กนามิโมริ 1ในนั้นคือ ซาซางาวะ เรียวเฮ สึนะจึงเข้าไปหา หลังจากที่กำลังออกจากห้องของเรียวเฮ ก็ได้พบกับคุวาซาเบะที่นอนซมอยู่บนเตียงฉุกเฉิน ขณะเดียวกัน หางของเลอ้อนก็หลุดออก และเนื่องจากการที่มุคุโร่ส่งนักฆ่าหลายคนมาทำร้ายเด็กโรงเรียนนามิโมริ ฮิบาริจึงไปจัดการกับมุคุโร่เพราะความโกรธ แต่กลับแพ้ไม่เป็นท่าเพราะโรค"ซากุระโซซัดโซเซ"ที่เมื่ออยู่มองดอกซากุระแล้ว จะยืนไม่ขึ้น เนื่องจากโดน "ไทเด้นซ์ มอสคิวโต้"ของ ดร. ชามาล ในขณะเดียวกัน ขณะที่โกคุเทระกำลังเที่ยวอยู่ก็มาเจอ1ในนักฆ่าของมุคุโร่"จิคุสะ"โดยบังเอิญ ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น จิคุสะนั้นได้เพลี้ยงพล้ำต่อโกคุเทระ แต่ขณะเดียวกันก็โดนพิษจากอาวุธของเขา"โยโย่"เช่นเดียวกัน ทำให้ต้องไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนนามิโมริ หลังจากที่สึนะออกจากห้องพยาบาลไปแล้ว สึนะก็ได้พบว่าเลอ้อนกลายเป็นดักแด้ไปแล้ว จากนั้นรีบอร์นก็บอกให้ไปถล่มพวกมุคุโร่ และบอกว่ากระสุนดับเครื่องชนเหลืออยู่แค่นัดเดียวโดยให้ยามาโมโตะ,โกคุเดระ และเบียงกี้ไปด้วย แต่ถึงอย่างไร พวกสึนะก็ไปที่โกคุโยแลนด์ เพื่อปะทะกับมุคุโร่ พวกสึนะได้ปะทะกับนักฆ่าทั้งหมด โดยยามาโมโตะเจอกับเคน เบียงกี้เจอกับ M.M จนได้พบกับมุคุโร่
ในการต่อสู้ครั้งนั้น ยามาโมโตะโดนลูกเหล็ก จนสลบไป โกคุเดระบาดเจ็บ รีบอร์นจึงยิงกระสุนดับเครื่องชนนัดสุดท้ายใส่สึนะทำให้เอาชนะมาได้ชนะและรู้ว่าเป็นตัวปลอม ทันทีที่มุคุโร่ตัวปลอมกำลังจะบอกเป้าหมายของมุคุโร่ ก็โดนเข็มพิษจากจิคุสะลอบยิงใส่ จากนั้นมุคุโร่ตัวปลอมจึงบอกชื่อว่า ลันเชีย เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีกระสุนดับเครื่องชนแล้ว มุคุโร่ตัวจริง จึงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ สึนะจึงโกรธและบุกไปหามุคุโร่ในโกคุโยคอมเพล็กซ์
พวกสึนะได้พบกับจิคุสะแล้วโกคุเทระก็อาสาสู้ด้วยแต่แล้ว เคนก็มาช่วยจิคุสะ เมื่อโกคุเทระอยู่ในสภาวะอันตราย ฮิบาริก็เข้าไปช่วยแล้วจึงไปช่วยสึนะ จึงรวมพลังกันเพื่อสู้กับมุคุโร่แต่ฮิบาริสลบไปก่อน ในระหว่างที่สู้กันอยู่ เมื่อมุคุโร่เสียเปรียบจึงยิงปืนฆ่าตัวตาย ทันใดนั้นเอง เบียงกี้ก็ได้ฟื้นขึ้นมา แล้วเข้าทำร้ายโกคุเดระ รีบอร์นจึงรู้ว่ามุคุโร่ใช้กระสุนพิเศษที่มีชื่อว่า"กระสุนสิงสู่"ซึ่งเป็นกระสุนต้องห้าม (กระสุนพิเศษที่ทางวงการมาเฟียได้สั่งห้ามใช้เป็นอันขาด) ทำให้สามารถสิงได้ต่อเมื่อโดนหอกสามง่ามของมุคุโร่ ทำให้สึนะต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทว่า เลออนได้ฟักออกจากดักแด้ขึ้นมาพร้อมๆกับอาวุธให้สึนะคือX-GLOVE (ดูจากภายนอกเหมือนถุงมือไหมพรมทั่วๆไป) พร้อมกระสุนเสียงบ่น จึงปะทะกับมุคุโร่อีกครั้งด้วยX-GLOVEและกระสุนเสียงบ่นที่ทำให้เข้าสู่โหมดใหม่"โหมดไฮเปอร์"จนเอาชนะมุคุโร่ได้ ส่วนมุคุโร่ถูกวีดีเซ่ คือ กลุ่มที่คอยจับตัวคนที่ทำความผิดที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ในวงการมาเฟียจับตัวกลับไปพร้อมกับพรรคพวก แต่ในตอนท้ายมุคุโร่ได้สิงร่างเด็กผู้ชายที่มีชื่อเล่นว่า"ม่าคุง" มุคุโร่
ภาคปะทะวาเรีย
หลังจากศึกมุคุโร่ พวกสึนะก็ต้องเผชิญกับกลุ่มวาเรีย (Varia) โดยที่สควอโล่นั้นไล่กวดบาจิลตลอดทางในญี่ปุ่น เพื่อชิงแหวนอีกครึ่งหนึ่งของวองโกเล่ และเจอกับพวกสึนะเข้า สควอโล่นั้นต้องการแหวนผู้พิทักษ์วอลโกเล่ เป็นครึ่งหนึ่งของแหวนแต่ละอัน ซึ่งสควอโล่นั้นได้แหวนของปลอมไป ส่วนของจริงนั้นอยู่กับดีโน่ พ่อของสึนะได้กระจายแหวนไปให้ทั้ง 7 คน โดยมอบแหวนแต่ละวงไปอยู่กับ
• แหวนแห่งนภา - ซาวาดะ สึนะโยชิ
• แหวนแห่งเมฆา - ฮิบาริ เคียวยะ
• แหวนแห่งอัสนี- แรมโบ้
• แหวนแห่งวายุ - โกคุเดระ ฮายาโตะ
• แหวนแห่งพิรุณ - ยามาโมโตะ ทาเคชิ
• แหวนแห่งอรุณ - ซาซางาวะ เรียวเฮ
• แหวนแห่งสายหมอก - โดคุโร โครม เป็นตัวแทนของ โรคุโด มุคุโร่

ทุกคนนั้นต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะต่อกรกับกลุ่มวาเรียที่กำลังจะรู้ความจริงเรื่องแหวน และจะมาญี่ปุ่นในไม่ช้า รีบอร์นได้จัดครูฝึกของทุกคนไว้ ยกเว้นโครมและแรมโบ้ที่เพิ่งพบว่ามีแหวนอยู่ภายหลัง โดยที่รีบอร์นจัดครูสอนพิเศษไว้ ดังนี้
• ซาวาดะ สึนะโยชิ - รีบอร์น
• ฮิบาริ เคียวยะ - ดีโน่
• โกคุเดระ ฮายาโตะ - ดร. ชามาล
• ยามาโมโตะ ทาเคชิ - พ่อยามาโมโตะ
• ซาซางาวะ เรียวเฮ - โคโรเนโร่

สึนะนั้นเพิ่งรู้ว่าแหวนแห่งอัสนีนั้นอยู่กับแรมโบ้ ระหว่างที่แรมโบ้นั้นถูกหมายหัวโดยเลวี่หนึ่งในวาเรีย พวกวาเรียนั้นมาถึงญี่ปุ่นก่อนกำหนด และทุกคนนั้นถูกจัดการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างผู้พิทักษ์ที่มีแหวนเหมือนกัน โดยแต่ละคืนนั้นจะมีหนึ่งศึก โดยมีลำดับดังนี้
• ศึกแห่งอรุณ ระหว่าง ซาซางาวะ เรียวเฮ ปะทะ ลุสซูเรีย (ชนะ)
เวทีนั้นคือสนามประตูโรงเรียนที่ถูกจัดเป็นเวทีมวย ลุซซูเรียชอบใจเรียวเฮ แต่เขาต้องการที่จะให้สิ่งที่ชอบเป็นศพแล้วเก็บเอาไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวของเขา[เอาไปสตัฟ!!!]
• ศึกแห่งอัสนี แรมโบ้ ปะทะ เลวี่ อาแทน (แพ้)
เวทีนั้นอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน โดยที่มีพายุฟ้าผ่า แถมสายล่อฟ้าตั้งสูง แรมโบ้นั้นได้เรียกตัวเองจาก 20 ปีข้างหน้ามาสู้ แต่หมดเวลาของกระสุน บาซูก้าทศวรรษเสียก่อน จึงทำให้เลวี่ได้โอกาสโจมตีแรมโบ้อย่างรุนแรง แต่สึนะมาช่วยไว้ ทว่า ต้องถูกปรับแพ้เพราะสึนะเข้ามาช่วย
• ศึกแห่งวายุ โกคุเดระ ฮายาโตะ ปะทะ เบลเฟกอล (แพ้)
เวทีอยู่ในอาคารโรงเรียนตึก A ที่มีลมพายุที่เกิดจากเครื่อง พร้อมระเบิดเวลา ระหว่างที่สู้เบลเฟกอลได้เห็นเลือดตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับคนบ้าและเก่งขึ้นด้วย โกคุเดระจึงได้ละทิ้งแหวน เพื่อหนีเอาชีวิตรอดหลังจากที่ระเบิดเวลาใกล้มาถึงตัวของเขาแล้ว
• ศึกแห่งพิรุณ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ปะทะ สเปลฮี สควอโล่ (ชนะ)
ภายในอาคาร ตึก B โดยที่ตึกโดนทุบจนแหลก แล้วมีน้ำไหลลงมาจากแท้งค์น้ำที่อยู่ข้างบนโดยที่ระหว่างที่สู้ยามาโมโตะได้รู้ว่าสควอโล่เคยถล่มสำนักชิงุเระโซเอนมาแล้ว แต่สควอโล่นั้นไม่สามารถมองเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 8 (พิรุณกระหน่ำแทง) โดยคิดว่าเป็น ฝนใบไม้ร่วง และก็ถูกปราบด้วยเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 9 (ฝนสะท้อนเงา) ซึ่งเป็นท่าที่คิดค้นด้วยตัวเอง และโดนฉลามกิน (แต่ยังไม่ตาย)
• ศึกแห่งสายหมอก โครม โรคุโด ปะทะ มาม่อน [ไวเปอร์] (ชนะ)
ภายในโรงยิม ที่ไม่มีอะไรพิเศษ มามอนได้ใช้พลังปลดผนึกจุกนมขึ้นมากลายเป็น อัลโกบาเลโน่ ไวเปอร์ แล้วใช้พลังของตนเองโจมตีโครม จนหอกสามง่ามของโครมหัก จนโครมสลบไป และท้องก็ยุบลงไปเรื่อยๆ ขณะที่โครมกำลังแย่ มุคุโร่นั้นจึงมาสลับเปลี่ยนกับโครม แล้วใช้พลังของตนเองที่ได้มาจากในนรกจัดการกับไวเปอร์
• ศึกแห่งเมฆา ฮิบาริ เคียวยะ ปะทะ โกล่า มอสก้า (ชนะ)
สนามโรงเรียนที่เต็มไปด้วยกับระเบิด และถูกยิงโดยปืนกลจากด้านนอก ฮิบาริชนะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วจึงท้าสู้กับ XANXUS ในระหว่างที่สู้กับ XANXUS มอสก้าก็เกิดบ้าคลั่ง สึนะต้องหยุดมัน แต่ว่ารุ่นที่ 9 ตัวจริงนั้นถูกจับไว้อยู่ข้างใน ในสภาพที่เกือบตาย
• ศึกแห่งนภา ซาวาดะ สึนะโยชิ ปะทะ Xanxus (ชนะ)
ทั่วโรงเรียน โดยต้องช่วยผู้พิทักษ์ของตัวเองทั้งหมดก่อนครึ่งชั่วโมง โดย Xanxus ใช้ความสามารถของรุ่นที่ 2 และอาวุธของรุ่นที่ 7 ส่วนสึนะได้สำเร็จท่าใหม่ เดือดทะลุจุดศูนย์ ของรุ่นที่ 1 และได้คิดค้น เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง ที่ดูดพลังไฟดับเครื่องชนของคู่ต่อสู้ได้ หลังจากนั้นสึนะก็สามารถใช้ เดือดทะลุจุดศูนย์แบบต้นตำรับ ที่ทำให้แช่แข็งศัตรูได้
หลังจากที่สึนะชนะ Xanxus แล้วก็ได้รู้ว่าแผลของ Xanxus เกิดจากที่วองโกเล่รุ่นที่ 9 ใช้เดือดทะลุจุดศูนย์ แช่แข็ง และได้รู้อีกว่า Xanxus ไม่ใช่ลูกแท้ๆของรุ่นที่ 9 แค่เป็นเด็กฝากมาเลี้ยงเท่านั้น จากนั้นเบลเฟกอลและมาม่อนได้เรียกกลุ่มวาเรียที่เหลือมาช่วย แต่ว่าถูกลันเซียกำจัดหมด และผู้พิทักษ์ของสึนะทุกคนก็ได้แหวนไป
ปฐมบท The Future
รีบอร์นถูกนำตัวสู่อนาคตด้วยบาซูก้าทศวรรษ และยังไม่กลับสู่สภาพเดิม สึนะจึงให้แรมโบ้ยิงบาซูก้าใส่ตัวเองเพื่อเรียกแรมโบ้หนุ่มในอีก 10 ปีข้างหน้าเพื่อสอบถาม แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน สึนะโดนบาซูก้าและถูกส่งไปในอีก 10 ข้างหน้าได้ทราบข้อมูลที่น่าตกใจยิ่ง เพราะตนเองถูกลอบสังหารเสียชีวิตไปแล้วพร้อมทั้งยังทำลายแหวนวองโกเล่ จากปากของ รัล มิลจิ หนึ่งใน อัลบาโกโล่แน่ เด็กต้องสาป โดยฐานทัพของวองโกแรลนั้นถูกย้ายศูนย์บัญชาการลงใต้ดินหลังจาก มิลฟีโอเล่แฟมิลี่ถล่ม โดยผู้บรรชาการคือเบียกคุรัน วองโกเล่รุ่นที่9 หายสาบสูญโดยมีคำสั่งสุดท้ายให้ รวบรวมผู้พิทักษ์ทั้ง 6 คน กระจัดกระจายมารวมตัวกันเพื่อหยุดแผนการสร้างโลกใหม่ด้วยการนำแหวนวองโกแรลในอดีตและนำอัลบาโกโล่เน่กลับมาด้วย เพื่อรวมกับแหวนทั้งหมดของมิลฟิโอเร่ เป็น ทูรินิเซนต์ 7³
[แก้] The Future ภาคกลาง x-burn
หลังจากได้รับสารลับให้รวบรวม บรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 6 กลับมาได้แล้วนั้นต้องสุ้กับบรรดานักรบบุปผาอาลัย ตัวปลอมทั้ง 6 คนโดยเป้าหมายนั้นคือ ทำการสอบสวนโชอิจิผู้พัฒนาระบบการเคลื่อนย้ายผ่านบาซูก้าทศวรรษ โดยสึนะและบรรดาผู้พิทักษ์ฝึกใช้กล่องเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วจำเป็นต้องควบคุมความสามารถและการใช้งานให้ได้ก่อนโดย ในการฝึกแรกสึนะ บอสวองโกแรลรุ่นที่ 10 ได้รับการพัฒนาฝีมือและความสามารถด้วยการรับสัญลักษณ์แห่งวองโกเล่ โดยสามารถพัฒนา X Glove ให้กลายเป็น V.ver หลังจากฝึกเสร็จพวกสึนะได้รับคำสั่งให้บุกฐานทัพเมโลเน่ที่ญี่ปุ่นสึนะได้รับ MicroVR และ MRcontacs เลนส์ที่พัฒนาให้สามารถเชื่อมความสามารถระหว่าง X Burner V.ver และ Headphone จาก สปาน่าให้ใช้งานได้เต็ม 100 เปอร์เซ็น
The Future ภาคท้าย x-burn
หลังจากเตรียมความพร้อมในการรบกับมิฟิโอเล่แล้ว สึนะได้รับแผนการในการบุกจากสปาน่า ที่รับคำสั่งจาก อิริเอะให้หักหลัง มิฟิโอเร่ โดยมอบทั้งแผนที่และยุทธการและการรบทั้งหมดให้กับสปาน่า แต่ตนเองทำเป็นคุมสถานการณ์ได้ โดยเมื่อเข้ามาในฐานทัพได้แล้วกลับกลายเป็นอาวุธกล่องขนาดใหญ่ที่เรียกว่าบล็อกฐานทัพ โดยมีผู้ใช้งานคือ อิริเอะ ไอริสและ Ginger Bread บุกเข้าไปในห้องทำงานและแล็บต่างๆของสปาน่าเพื่อตามหาสึนะและสปาน่า สุดท้ายก็หาจนพบและได้ต่อสู้กับสึนะ โดยครั้งนี้สึนะได้ใช้ Contacts ซึ่งสปาน่าเป็นผู้สร้างให้ เพื่อพัฒนา X-Burner ให้ถึงขีดสุด Contactsทำหน้าที่ควบคุมเปลวไฟสองข้างให้เท่ากัน สึนะได้ใช้ X-Burner อย่างสมบูรณ์แบบ และซึนะก็ชนะ หลังจากนั้นอัศวินมายาก็ปรากฏตัว ซึ่งสึนะได้ใช้ X-Burner ใส่แต่ไม่เป็นอะไร และเมื่อต่อสู้กันได้ไม่นานอัศวินมายากันได้แปลงร่างออกมา แต่ก็พ่ายแพ้ให้X-Burnerของสึนะอยู่ดี เมื่อสึนะบุกถึงระบบกลางได้แล้ว อิริเอะได้บอกความจริงที่ว่า ตนเองเป็นฝ่าย วองโกเล่ แล้วพวกสึนะก็ได้รู้ความจริงว่า คนที่ส่งพวกเขาทุกคนมายังยุคนี้คือตัวของสึนะในยุคนี้นั่นเอง ซึ่งแผนการนี้เป็นความลับที่รู้กันเฉพาะอิริเอะ โชอิจิ สึนะ และฮิบาริในยุคนี้เท่านั้น
ภาค Choice
หลังจากนั้น เบียคุรันได้ออกมาบอกกับสึนะว่า หกบุปผาที่ครอบครองแหวนมาเล่และแหวนมาเล่ทั้งหกวงนั้นเป็นของปลอม และได้ประกาศศึกอย่างเป็นทางการกับสึนะโยชิ และให้เวลาพวกสึนะไปฝึกฝนตนเอง โดยได้ให้คำใบ้เป็นเกมที่เคยเล่นกับโชอิจิในสมัยก่อน จากนั้น โชอิจิและสปาน่าได้เข้ามาอยู่ในวองโกเล่ตามคำเชิญของรีบอร์นและสึนะ ทั้งสองช่วยกันจัดการฐานทัพมาเล่ที่ญี่ปุ่น ทางด้านพวกสึนะที่ได้หยุดพัก ก็ไปเยี่ยมโรงเรียนของตนเอง ที่โรงเรียนนามิโมริซึ่งสภาพเหมือนเดิมทุกประการ ฮิบาริได้พบกับดีโน่บนดาดฟ้าของอาคารเรียน ส่วนจางนีนิก็ได้ผลิตอาวุธชิ้นใหม่ให้สึนะคือมอเตอร์ไซค์พลังงานดับเครื่องชน เพื่อใช้ในการแข่งChioce Warกับเบียคุรัน โดยวองโกเล่ได้ลงแบบสุ่มตัวแทนได้แก่ สึนะ โกคุเดระ ยามาโมโตะ อิริเอะเละสปาน่า ทางฝ่าย 6 บุปผาอาลัยได้ส่งตัวแทนคือ เดซี่ (อรุณ) คิกเคียว (เมฆา) โทริคาบูโตะ (สายหมอก) และอัศวินมายา ในระหว่างการต่อสู้ อัศวินมายาถูกสังหารโดยคิกเคียว (ตาย) ฝ่ายวองโกเล่เป็นฝ่ายแพ้ อิริเอะได้เปิดเผยความสามารถของเบียกคุรัน ทันใดนั้น ยูนิก็เดินมาขอให้เบียกคุรันถือผลการแข่งขันว่าเป็นโมฆะและจะลาออกจากมิลฟีโอเล่ แต่เบียคุรันไม่ยอม ขู่จะทำร้ายยูนิ แต่ว่ามุคุโร่ก็มาปกป้องยูนิและบอกว่าตัวเองนั้นยังไม่ตาย และยังติดอยู่ในคุกวินดิเช่ และรีบบอกให้สึนะพายูนิหนีไปที่เมืองนามิโมริ เมื่อมาถึงนามิโมริแล้ว 6 บุปผาอาลัย ได้ตามมาที่เมืองนามิโมริ ฮิบาริ ดีโน่ในอนาคต โรมาริโอ และคุซาคาเบะได้ไปรอศัตรูที่โรงเรียนนามิโมริ และเดซี่แปลงเป็นจิ้งจกอรุณ งอกแขนขาได้ ดีโน่แพ้ แต่ถูกจัดการโดยฮิบาริโดยอาวุธกล่อง วองโกเล่ กุญแจมืออารันดันดี คนอื่นรออยู่ที่ฐานทัพลับ ทันใดนั้นแผ่นดินก็สั่นสะเทือนพร้อมกับการปรากฏตัวของซาคุโร่วายุ
ภาค Future Battle (ศึกตัดสินชี้ชะตาอนาคต)
ซาคุโร่เข้ามาชิงตัวยูนิในฐานทัพวองโกเล่และเยาะเย้ยดูถูกพวกของสึนะ จนยามาโมโตะ และโกคุเดระทนไม่ไหวจึงจะเข้าไปสู้ แต่สควอโล่มาขวางไว้และบอกว่าจะเป็นคนไปสู้เอง และบอกให้พวกสึนะพายูนิหนีไปสึนะและพวกจึงคิดว่าจะหนีไปซ่อนที่ไหน และแล้วฮารุก็บอกว่าให้ไปที่ร้านอาหาร เพราะฮารุรู้จักกับคนในร้าน ในขณะที่กำลังจะไปเสียงร้องของสควอโล่ก็ดังขึ้น พวกสึนะจึงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าสควอโล่บาดเจ็บสาหัส แขนขาดไปหนึ่งข้าง และฐานวองโกเล่ก็พังยับเยินด้วยฝีมือของ ซาคุโร่ สควอโล่บอกให้พวกสึนะไปโดยเร็วที่สุด พวกสึนะจึงมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร เมื่อไปถึงกลับพบว่าร้านปิด จึงตะโกนเรียกทันใดนั้นก็มีชายลึกลับใส่แว่นกำลังโซ้ยราเม็งชื่อคาวาฮิระ ออกมาบอกว่าเจ้าของร้านเสียไปแล้ว และ ก็บอกกับพวกสึนะว่าให้เข้ามาหลบก่อน คาวาฮิระช่วยไล่ซาคุโร่ไปยังภูเขาไฟฟูจิ และหลังจากนั้นคาวาฮิระก็ได้ให้พวกสึนะฝากร้านไว้ แต่กลับโดนโทริคาบูโตะสลับตัวกับแรมโบ้เพื่อชิงตัวยูนิ แต่แกมม่ามาช่วยทัน โทริคาบุโตะแปลงเป็น ไนท์เบน ผีเสื้อกลางคืนสายหมอก สึนะกำลังลำบาก โคลมเปิดกล่องวองโกเล่เอาเลนส์ปีศาจ ดี.สเปเด้มาใช้ สุดท้ายโทริคาบูโตะก็พ่ายแพ้ต่อ X-Burner ของสึนะและถอยทัพไป ทางด้านเบียกคุรันที่นอนซมไข้เพราะใช้วิชามองอนาคตตามหายูนิก็กำลังให้ ไอริสจัดการเรื่องบุปผาอาลัยคนที่ 6 ที่อยู่ในคุกวินดิเช่ซึ่งชื่อ โกสต์ ที่คุกวินดิเช่ ฟรานได้ปลอมตัวเป็นไอริสแล้วแล้วขออนุญาต โรคุโด มุคุโร่ และได้เจอกับเคน จิคุสะและ M.M พวกสึนะได้เดินทางกลับไปที่ป่าที่มีโลงศพของสึนะ และได้พักแรมที่นั่น แกมม่า โนซารุและทาซารุได้มีปากเสียงกับโกคุเดระและอิริเอะ โชอิจิ แต่ยูนิมาห้ามไว้แล้วเล่าเรื่องความสามารถของตนที่ได้รับสืบทอดมาจากลูเช่หรือคุณยายของยูนิ รัล มิลจิ ได้บอกความจริงว่าอัลโกบาเลโน่แห่งนภาจะมีอายุสั้น (เป็นสาเหตให้ลูเช่ อาเรีย ได้ป่วยและเสียชีวิต) และยิ่งอายุมากขึ้นความสามารถพิเศษจะยิ่งเสื่อมไป แต่ยูนิได้บอกกับทุกคนว่าเธอรู้มานานแล้วว่าพวกเธอจะต้องเผชิญหน้ากับเบียคุรันในวันรุ่งขึ้น และในวันรุ่งขึ้นวองโกเลแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่ม ที่ 1 ดักอยู่ริมทะเลสาบ กลุ่มที่ 2 ดักอยู่ที่ป่า และกลุ่มที่3 เป็นกองกำลังปกป้องยูนิ กลุ่มแรกเรียวเฮ แรมโบ้ได้เจอกับคิเคียว(เมฆา) และคิเคียวก็ได้ใช้กล่องแร็พเตอร์ลงมือทำร้ายกลุ่มหนึ่งก่อน พอเห็นแรมโบ้ดูเหมือนจุดอ่อนจึงให้ฝูงแรพเตอร์เล็งไปที่แรมโบ้ เรียวเฮจึงงัดทีเด็ดโดยพูดให้แรมโบ้คิดถึงแม่ของสึนะ ด้วยความคิดถึงแม่ของสึนะแรมโบ้ร่างเด็กได้จุดไฟอัสนีที่แหวนขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเปิดกล่อง BOX Vongola ได้มีกระทิงอัสนีออกมาและคอมบิโอฟอมาร์เป็นเกราะอัศนี จัดการฝูงแรพเตอร์จนหมดแล้วต่อมาพวกวาเรียและพวกของโรคุโด มุคุโร่ได้เดินทางมาที่นามิโมริซันซัสได้จัดการคิกเคียว(ไม่ตาย) จากนั้นโกส(ธาตุ อัสนีของมิลฟีโอเล่) ก็ ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนและได้ดูดพลังไฟดับเครื่องชนของกลุ่ม1และ2ไปจนหมดรวมทั้นซันซัสด้วย จากนั้นรีบอร์นบอกสึนะให้ไปช่วย (ที่จริงโกสเป็นแค่กลุ่มก้อนไฟเท่านั้น)สึนะจนใช้วิชา เดือดทะลุจุดศูนย์ดัดแปลง ศึกครั้งนี้เป็นศึกดูดพลัง และแล้วโกสก็สลายไป จากนั้นก็มาถึงจุดวิกฤตสุดๆ คือ เบียคุรันปรากฏตัวสึนะได้สู้กับเบียคุรันแต่สู้ไม่ได้ รุ่นที่1 จึงปลดปล่อยพลังของสึนะๆจึงมีพลังของแหวนให้ และยูนิกับแกมม่าจะยอมสละชีพเพื่อคืนชีพให้กับอัลโกบาเลโน่ทั้งหมด สึนะจึงใช้ x-burner สังหารเบียคุรัน ศึกครั้งนี้เบียคุรันตาย ยูนิและแกมม่าได้สละชีวิตเป็นที่เสียใจของทุกคน แล้วทุกคนก็ได้กลับอดีต
[แก้] ภาคสืบทอดมรดก
หลังจากกลับมาจากโลกอนาคตรีบอร์นได้รับจดหมายจากรุ่นที่ 9 เกี่ยวกับการสืบทอดมรดกของวองโกเล่แฟมิลี่เพื่อให้สึนะเป็นบอสวองโกเล่รุ่นที่ 10อย่างเป็นทางการ แล้วก็มีนักเรียนใหม่เข้ามาจากการเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ทำให้นักเรียนโรงเรียนมัธยมชิม่อน ย้ายมาที่โรงเรียนนามิโมริ ระหว่างทางที่สึนะไปโรงเรียน ได้พบกับนักเรียนหญิงปี 3 โรงเรียนชิม่อนเข้า เธอส่งสายตาอันหน้ากลัวให้สึนะ สึนะจึงหลบไปทางอื่น ระหว่างก็เจอรีบอร์น รีบอร์นบอกว่าเป็นการสืบทอดบอสวองโกเล่อย่างเป็นทางการ เมื่อถึงโรงเรียนก็ได้คุยกับทุกคน มีนักเรียนใหม่มาจำนวน7คนย้ายมาจากโรงเรียนชิม่อน แล้วมีมาในห้องของสึนะ(ห้อง 2-A) 2 คนคือ ชิทท์ พี เธอทำตัวแปลกๆ จนโกคุเดระคลั่งหนักว่าเป็นตัวประหลาด(U.M.A.)อีกคนคือ โคซาโตะ เอนมะ เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยเข้ากับใครเหมือนสึนะตอนก่อน ทางด้านท่านฮิบาริ ได้มีนักเรียนชิม่อนมาหา เธอชื่อ ซูซูกิ อคีลไฮค์ มาเป็นคณะกรรมการชำระบัญชี มาข่มขู่ท่านฮิบาริ หลังเลิกเรียนสึนะกับรีบอร์นได้เจอกับ โคซาโตะ เอนมะ ขณะโดนทำร้าย รีบอร์นจึงถีบส่งไปช่วย ผลคือเละ ขณะที่สึนะช่วยเก็บของให้แหวนของทั้งสองก็ส่องแสงออกมา หลังจากนั้นสึนะเห็นเอนมะทำสมุดตกไว้ เลยจะเอาไปคืนก็เจอเอนมะนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำ กำลังเย็บกางเกงที่ขาดอยู่ พอเห็นสึนะก็ตกใจตกน้ำไป สึนะก็เลยชวนเอนมะไปที่บ้านของสึนะ กางเกงของเอนมะที่ขาดตอนถูกทำร้าย แม่ของสึนะก็เย็บให้ วันต่อมาสึนะได้เดินมาโรงเรียนก็เจอเอนมะ ก็เลยเดินมาโรงเรียนพร้อมกัน ก็พบเห็นว่าบนดาดฟ้าของโรงเรียนมีอดีลไฮค์กับฮิบาริสู้กันอยู่ สึนะเลยรีบขึ้นไปบนดาดฟ้า ก็พบว่านักเรียนที่ย้ายมาใหม่ทั้ง 7 คนมารวมตัวอยู่ที่บนดาดฟ้า สึนะพยายามห้ามไม่ให้ฮิบาริกับอดีลไฮค์สู้กัน รีบอร์นก็เลยถีบส่งสึนะไปขวางการต่อสู้ และบอกว่านักเรียนที่มาจากชิม่อนเป็นแขกของวองโกเล่ พวกเขามาจากชิม่อนแฟมิลี่ที่ถูกวองโกเล่เชิญมา เพื่อการสืบทอดมรดกของวองโกเล่ในอีก 7 วัน การสืบทอดมรดกของวองโกเล่นั้น ก็มีพวกที่ไม่เป้นพันธมิตรกับวองโกเล่จะมาก่อกวนคือพวกสายลม ระหว่างนั้นก็มีพวกมาเฟียว่าจ้างมาทำร้ายสึนะ สึนะก็ใช้โหมดไฮเปอร์ครั้งแรกหลังจากกลับมาจากอนาคตจัดการได้ และเมื่อโกคุเดระทราบข่าวจึงเรียกรวมตัวชิม่อนแฟมิลี่กับวองโกเล่ เพื่อให้ทุกคนช่วยคุมกันสึนะจากพวกก่อกวนพิธีสืบทอด แต่ทางชิม่อนขอลองไปคุยกับพวกที่ยังไม่ได้มาก่อน รีบอร์นก็คิดว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับชิม่อน ถ้าได้ร่วมงานกันอาจจะได้รู้ก็ได้ ทางบ้านพักของชิม่อนหลังจากปรึกษากันแล้วตกลงจะปกป้องวองโกเล่ เพราะไม่ได้เป็นผลเสียกับทางชิม่อน แล้วอดีลไฮค์ก็ถามทุกคนในแฟมิลี่ว่า ทุกคนยังเก็บสิ่งนั้นไว้อย่างดีใช่มั้ย แล้วก็ขอดูของเอนมะ และบอกว่าดีมากนี่นะเป็นหลักฐานยืนยันการสืบทอดของเอนมะในฐานะบอสของชิม่อนแฟมิลี่ เอนมะและคนอื่นๆในชิม่อน หรือว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่แฟมิลี่อ่อนแอกันแน่ ที่จริงรีบอร์นได้สงสัยตั้งแต่ ที่พวกชิม่อนรวมตัว สึนะได้ขอปฏิเศษเป็นบอส แต่ได้รับข่าวร้ายว่า ยามาโมโตะถูกทำร้ายอาการสาหัส โดยเหลือข้อความว่า SIN ในภาษาอิตาลี่ไว้ ซึ่ง SIN ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ใครได้รับแล้วจะได้เป็นผู้สืบทอด รีบอร์นจึงรู้ว่าเกี่ยวกับพิธีสืบทอมมรดกของวองโกเล่แฟมิลี่ รีบอร์นบอกว่า ถ้าจะหาตัวคนร้าย ต้องมีพิธีสืบทอด สึนะจึงได้ไปบอกรุ่นที่ 9 ว่าจะไปพิธีสืบทอดมรดก ในวันสืบทอดมรดกต้องมีผู้พิทักษ์ของวองโกเล่ครบทั้งหมด 7 คน ซึ่งยามาโมโตะมาไม่ได้เพราะเท่าที่ดูอาการแล้วหมอบอกว่าถึงรอดก็มีโอกาศสูงที่จะเดินไม่ได้ ทั้งนี้จึงต้องพึ่งภาพลวงตาที่แข็งแกร่งของ โครม โดคุโร่ ช่วย ทุกคนในพิธีรับมรดกนึกว่าเป็นยามาโมโตะตัวจริง ยกเว้น ดิโน่ และ สควาโร่ ทีรู้จากการถามคำถามของสควาโร่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ในขนาดที่สึนะได้ทำการพูดคุยกับแขกที่มาร่วมงานก็ได้ไปเห็นยามกำลังรุมซ้อมใครบางคนอยุ่สึนะจึงรีบไปดู สิ่งที่สึนะเห็นคือ เอนมะ และคนอื่นๆในชิมอนแฟมิลี่กำลังถูกยามซ้อมและดูถูกอยู่จึงรีบไปช่วย พวกชิม่อนแฟมิลี่ดูจะตกใจที่เห็นยามาโมโตะเพราะเป็นคนที่โจมตียามาโมโตะเอง เมื่อถึงเวลารับมรดกพวกสึนะได้รอการจู่โจมของผู้ที่ทำร้ายยามาโมโตะ ทันทีที่เปิดกล่องและเอา SIN ออกมาก็ได้เกิดระเบิดขึ้นภายในพิธี และ กล่องเลือด หรือ SIN ก็แตกออก แต่สีหน้ารุ่นที่ 9 ไม่ได้แสดงความรู้ว่าตกใจแถทยังยิ้มอีกนิดๆ และได้บอกสึนะว่า SIN ของจริงอยู่เซฟที่คลุมไปด้วยโล่ที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟของผู้พิทักษ์ทั้ง 7 ของรุ่นที่ 9 อยู่ และรุ่นที่ 9 ยังบอกอีกว่าไม่ว่าอาวุธอะไรหรือเปลวไฟอะไรก็ไม่สามารถทำลายได้ แต่มันไม่เป็นไปตามปผนของรุ่นที่ 9 เมื่อหัวไปเห็นว่าเซฟถูกทำลายแล้ว SIN ข้างในก็หายไป ผู้พิทักษ์ทั้ง 7 ของรุ่นที่ 9 จึงพยายามหาทิศว่าศัตรูอยู่ตรงไหนแต่เมื่อเจอแล้วอาวุธ และ บาเรีย ของผู้พิทักษ์ทั้ง 7 ของรุ่นที่ 9 ก็โดนทำลายทิ้ง คนที่โผล่ขึ้นมากลับเป็นพวก ชิม่อน แฟมิลี่ ทั้งนี้ทำให้สึนะรู้ว่าคนที่ทำร้ายยามาโมโตะคือผู้พิทักษ์แห่ง พิรุณ ของ ชิม่อน แฟมิลี่ ทำให้สึนะโกรธมากและสู้กับเอนมะ

ภาคพิเศษ อัลโกบาเลโน่
หลังจากจบศึกที่ฐานทัพเมโลเน่ สึนะได้รับกล่อง Vongola มาแต่ไม่สามารถใช้มันได้ อิริเอะ โชอิจิบอกกับเขาว่า การที่จะเปิดกล่องได้ จำเป็นจะต้องกลับไปยังอดีตเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นเวลา 1 อาทิตย์เพื่อรับการทดสอบจากอัลโกบาเรโน่ทั้ง 7 โดยการกลับไปของพวกเขาเป็นการชั่วคราวนั้น ในโลกในอดีต พวกเขาหายไปเพียงแค่สามวันเท่านั้น และอิริเอะก็ได้บอกให้พวกเขาสร้างเรื่องว่า ไปปิคนิคกันและหลงทาง เมื่อทุกคนกลับไปอดีต ก็เป็นเวลาเดียวกับที่อัลโกบาเรโน่ทั้งเจ็ดมุ่งหน้าไปญี่ปุ่น รีบอร์นได้เล่ารายละเอียดคร่าวๆของอัลโกบาเรโน่แต่ละคนให้พวกสึนะฟัง อัลโกบาเรโน่ทั้งเจ็ดประกอบด้วย
1. โคโรเนโร่ ผู้ครอบครองจุกนมธาตุพิรุณ อดีตหัวหน้าหน่วยคอมมุสบินของอิตาลี มีอาวุธคือปืนไรเฟิล
2. สกัล (หรือสคัล) ผู้ครอบครองจุกนมธาตุเมฆา สตั๊นท์แมนผู้ได้รับฉายาว่า สกัลอมตะ
3. เวลเด้ ผู้ครอบครองจุกนมธาตุอัสนี นักวิทยาศาตร์อัจฉริยะ ผู้สร้างกล่อง (ร่วมกับ เคนิตฮ์ และ อิโนเซนตี้) ในอีกสิบปี
4. ไวเปอร์ (มาม่อน) ผู้ครอบครองจุกนมธาตุสายหมอก เป็นอัลโกบาเลโน่ที่ยังไม่ปรากฏเพศออกมาชัดเจน สามารถสร้างภาพมายาให้กลายเป็นจริง และทำให้สิ่งที่มีจริงกลายเป็นภาพมายาได้
5. ฟง ผู้ครอบครองจุกนมธาตุวายุ นักสู้อัจฉริยะอันดับหนึ่งของการแข่งขันกังฟูทัวร์นาเม้นท์ของจีน หน้าตาและทรงผมเหมือน ฮิบาริ เคียวยะ แต่มีเปียยาวด้านหลัง เป็นอาจารย์ของอี้ผิง
6. รีบอร์น ผู้ครอบครองจุกนมธาตุอรุณ เป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุดในหมู่มาเฟีย
7. อาเรีย (แม่ของยูนิ) (มาแทนลูเช่เพราะหายสาบสูญ) (ลูเช่เป็นยายของยูนิ) ผู้ครอบครองจุกนมธาตุนภา เป็นหัวหน้าของอัลโกบาเลโน่ แม่ของรองหัวหน้ามิลฟีโอเล่แฟมิลี่ ยูนิ ในภาคพิเศษอัลโกบาเลโน่จะเป็นอาเรียซะส่วนใหญ่ จะมีพูดถึงลูเช่ช่วงย้อนความก่อนเป็นอัลโกบาเลโน่
การทดสอบครั้งแรก : การทดสอบของโคโรเนโร่ ฝึกทดสอบด้านการต่อสู้ โดยจะต้องหยิบเข็มกลัดที่มีเลข01จากผ้าโพกหัวของโคโรเนโร่ให้ได้
การทดสอบครั้งที่สอง : การทดสอบของสกัล ทดสอบในด้านสเน่ห์ จะต้องพยายามหยุดการต่อสู้กันระหว่างโรคุโด มุคุโร่ กับ ฮิบาริ เคียวยะให้ได้
การทดสอบครั้งที่สาม: การทดสอบของมาม่อน (ไวเปอร์) ฝึกเกี่ยวกับ ความสามารถในการดัดแปลงและด้านปัญญา โดยจะให้ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่ในนามิโมริเมื่อเจอคำตอบจะต้องทำภารกิจที่มาม่อนบอก ซึ่งภารกิจคือ เอาตัวรอดจากมาม่อนโดยใช้อาวุธกล่องทั้ง 3
การทดสอบครั้งที่สี่ : การทดสอบของฟง ทดสอบด้านความเป็นผู้นำ โดยจะต้องไล่จับฟงในโรงเรียนภายในเวลา30นาทีให้ได้ ผู้เข้าร่วมการทดสอบมีทั้งหมด3คน ได้แก่ ซาวาดะ สึนะโยชิ,แรมโบ้,มิอุระ ฮารุและอี้ผิงที่ปรากฏตัวภายหลังได้เข้ามาช่วยไว้ ในช่วงแรกๆของการทดสอบ เหล่าทุกคนได้พยายามไล่จับฟงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับจับตัวฟงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าทั้งหมดจะใช้อาวุธไล่โจมตีฟงเพื่อให้ฟงต้องหยุดก็ตาม จนผู้ทดสอบทั้งหมดเริ่มท้อกับการทดสอบ สึนะจึงปลอบใจ และเพิ่มกำลังใจผู้เข้าร่วมการทดสอบคนอื่นๆ และเริ่มใช้กลยุทธ์
การทดสอบครั้งที่ห้า : การทดสอบของอาเรีย ทดสอบด้านความอดทนในการยอมรับความเห็นผู้อื่น โดยสึนะจะต้องคอยทำตามคำขอร้องของอาเรียไปเรื่อยๆโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า เธอเป็นอัลโกบาเรโน่หรือเปล่า
การทดสอบครั้งที่หก : การทดสอบของรีบอร์น ทดสอบด้านความสามัคคีของบอส โดยจะต้องต่อสู้กับรีบอร์นแบบ7ต่อ1 (ผู้พิทักษ์ทั้ง6และหัวหน้า VS รีบอร์น) โดยที่สี่คน(โกคุเดระ ฮายาโตะ,ยามาโมโตะ ทาเคชิ,โคลม โดคุโร่,และซาซางะวะ เรียวเฮย์)ล้วนแต่ใจอ่อนต่อรีบอร์น จึงไม่กล้าทำร้ายรีบอร์นเท่าไรนักมีเพียง ฮิบาริ เคียวยะ ที่สนุกกับการต่อสู้นี้ และในขณะที่รีบอร์นจริงจังกับการต่อสู้มาก จนทำให้ผู้พิทักษ์ทั้งห้าหมดสติลงอย่างรวดเร็ว ส่วนแรมโบ้ ก็ได้แต่นอนอย่างไม่รู้เรื่องอะไรลย จนทำให้เหลือสึนะเพียงคนเดียว จึงกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างสึนะกับรีบอร์น ในช่วงท้ายๆของการทดสอบ รีบอร์นออมมือให้สึนะเล็กน้อย จนสึนะได้โอกาสยิงX-Burner Air แต่ว่า เพราะสึนะไม่กล้าทำร้ายรีบอร์นมากไปกว่านี้ สึนะจึงหยุดยิงX-Burner Airจนทำให้สูญเสียโอกาสสุดท้ายไป และถูกรีบอร์นโจมตีด้วยกระสุนดับเครื่องชนจนไม่ผ่านการทดสอบในที่สุด
การทดสอบครั้งที่เจ็ด : การทดสอบของเวลเด้ ทดสอบด้านสัญชาตญาณ โดยเวลเด้ได้หลอกให้สู้กับหุ่นยนต์ที่ก๊อปปี้ตัวเองขึ้นมา ในตอนแรกพวกอัลโกบาเลโน่ ทั้งหมดได้โดนจับ (ยกเว้นอาเรีย เพราะเธอไม่ใช่อัลโกบาเลโน่) โดยหลังจากที่สึนะช่วยพวกนั้นมาได้ก็ได้ช่วยกันกำจัดเวลเด้แต่ตัวแรกเป็นหุ่นยนต์จึงเสียแรงฟรีเปล่าๆ แต่สึนะได้รู้สึกว่ามีฐานทับลับของเวลเด้อยู่ใกล้ๆ พวกสึนะจึงผ่านการทดสอบ
การทดสอบรอบแปด : การทดสอบของรีบอร์น (รอบสอง) ทดสอบด้ายความเชื่อใจและความพยายาม โดยตอนที่พวกสึนะฝึกกับเวลเด้ผ่านและได้พลังอัศนีของเวลเด้มา รีบอร์นก็ให้ผ่านการทดสอบ เพราะสึนะต้องการทดสอบกับรีบอร์นอีกรอบรีบอร์นเห็นว่ามีความพยายามจึงให้ผ่านไปเลย
ตัวละคร
ดูบทความหลักที่ ตัวละครในครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น!
ซาวาดะ สึนะโยชิ
ดูบทความหลักที่ ซาวาดะ สึนะโยชิ
นักเรียน มัธยม โรงเรียนนามิโมริ ที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องไปซะทุกอย่าง จนได้ฉายาว่า สึนะจอมห่วยเป็นทายาทโดยตรงของวองโกเล่รุ่นที่ 9 จึงได้รับเลือกเป็นวองโกเล่รุ่นที่10ทำให้ต้องได้รับการฝึกฝนเป็นวองโกเล่รุ่นต่อไป โดยมีรีบอร์นเป็นครูสอนพิเศษและ10ปีข้างหน้าได้ตายเพราะถูกมิฟิโอเล่ยิงตายมีเปลวไฟธาตุนภา โดย ธาตุนภา มีคุณสมบัติพิเศษคือ การผสมกลมกลืน(แต่แท้จริงยังมีชีวิตอยู่ จากคำบอกเล่าของอิริเอะ โชอิจิ ในตอนที่ 252-253)และมีถุงมือนภาสัญลักษณ์บอสของวองโกเล่
อาวุธ ถุงมือ X-Gloves และ X-Gloves Ver.v.r. (Version Vongola Ring) กล่อง สิงโตนภา ท่าไม้ตาย เดือดทะลุจุดศูนย์ เดือดทะลุจุดศุนย์ฉบับดัดแปลง X-Burner X-Burner-Air X-stream X-buster และ X-burner Hyper Explosion
โกคุเดระ ฮายาโตะ
ดูบทความที่ โกคุเดระ ฮายาโตะ
โกคุเดระ ฮายาโตะ (獄寺 隼人 | Gokudera Hayato)
แม่ของโกคุเดระเป็นญี่ปุ่น พ่อเป็นคนอิตาลี(เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ)และตัวเองที่ชื่นชอบของสาวๆด้วยเพราะสอบได้คะแนนเต็ม เก่งในด้านความจำ สังเกตจากการสอนสึนะในรูปแบบต่างๆ ตอนฝึกอาวุธกล่อง
ความฝัน : เป็นมือขวาของรุ่นที่ 10 (เจ้าห่วยสึนะ) นิตยสารที่ชอบอ่าน : The Wonders and Mysteries of the World
บุคคลที่เกลียด : ผู้ชายที่แก่กว่า, เบียงกี้, แรมโบ้
งานอดิเรก : เล่นเปียโน อ่านหนังสือ ฆ่าคน ปาระเบิด
อายุ : 15 ปี
วันเกิด : 9 กันยายน
ราศี : ราศีกันย์
กรุ๊ปเลือด : บี
ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 54 กิโลกรัม
ประเทศที่เกิด : อิตาลี
อาวุธ - ระเบิด , กล่องสำหรับใช้ SISTEMA C.A.I. (Cambio Arma Istantaneo (เปลี่ยนอาวุธชั่วพริบตา)) 16กล่อง
ท่าไม้ตาย
• - ระเบิด2เท่า,3เท่า
• - SISTEMA C.A.I. คือระบบการทำงานของ5ธาตุกับ16กล่อง ซึ่งทั้ง16กล่องนั้น จะมีเพียง4ที่เปิดได้ด้วยแหวนที่ ติดไฟธาตุวายุแท้ๆ หนึ่งใน4กล่องนั้นคืออุริ เป็นสื่อที่ทำให้เปิดกล่องซึ่งเก็บแหวนที่ สามารถแปลงไฟธาตุวายุ เป็นธาตุพิรุณได้และ จากแหวนธาตุพิรุณนั้น ทำให้เปิดได้อีก3กล่อง ซึ่งแต่ละกล่องก็เก็บแหวน ที่แปลงคลื่นวายุเป็นธาตุอื่นๆได้อีก คือ อรุณ อัสนี และ เมฆา และยังมีอาวุธที่สนับสนุน คือ กระสุนหัวจรวดที่ติดมาในกล่อง เดียวกับแหวนแห่งอรุณ อีก3ยังเป็นแป็นปริศนา แต่แหวนอีก3วงที่ได้มานั้น ใช้ผสมกับธาตุ วายุและพิรุณจะทำไห้เปิดกล่องได้อีก จนครบ12กล่อง ซึ่งจากการผสมธาตุนั้น อาวุธที่ได้มาจากกล่อง อาวุธ2ธาตุ คือมีไฟธาตุอื่นเคลือบธาตุวายุ อีกที เพิ่มประสิทธิภาพในการทำลาย ให้มากขึ้นด้วยคุณสมบัติ ที่หลากหลาย และนี่ก็คือ SISTEMA C.A.I
ขั้นตอน การใช้ และความสารถที่เพิ่มเข้ามาหลังจากการประยุกต์ใช้
1.คือ การที่จะสามารถเปิดกล่อง Sistema C.A.I. นั้นจำเป็นจะต้องมีไฟทั้งหมด 5ธาตุ คือ วายุ อรุน อัศนี เมฆา พิรุณ ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
2.Sistema C.A.I. นั้น ถ้าไม่เปิดทั้งหมด อาวุธจะใช้การไม่ได้ (ค่อยๆเปิดใช้ไล่ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่เปิดต่อไปเรื่อยๆก็จะไม่สามารถใช้ได้ครับ)
3.Sistema C.A.I. เป็นระบบ ที่สามารถ สัปเปลี่ยนอาวุธ โดยอาศัยการเปิดกล่องธาตุต่างๆ
4.เวลา ยิง สามารถใช้ไฟธาตุ ต่างๆ มาผสมกับธาตุวายุ เพื่อให้ได้เปรียบในสถานการณ์ต่างๆ เช่นเพื่อที่จะทำลายเกราะอัศนี จำเป็นต้องใช้ การสะกดของพิรุณ+วายุ
5.มีโล่ป้องกันอัตโนมัติ ไว้ใช้ ป้องกัน โดย ใช้วายุผสมธาตุต่างๆเช่นกัน เพื่อให้ได้เปรียบอีกฝ่าย
กระสุนธาตุ วายุ เป็น เฟรมมิ่งแอโร่
กระสุนธาตุ วายุ+พิรุณ เป็น Raining shoot (มีไฟธาตุพิรุณเคลือบ) มีความสามารถในการลดการป้องกันของศัตรูและโจมตีในเวลาเดียวกัน
กระสุณธาตุ วายุ+อรุณ เป็น การยิงกระสุนปืนกล ที่สามารถเร่งความเร็วได้อีกในระหว่างที่ยิงออกไปแล้ว (Sunshine Shot )
กระสุนธาตุ วายุ+เมฆา เป็นการยิงเลเซอร์หลายๆเส้น แพร่ขยาย ออกเป็นรัศมีกว้าง ด้วยคุณสมบัติเพิ่มพูณ ของเมฆา (Cloud Laser)
กระสุน ธาตุ วายุ+อัศนี ไฟธาตุอัศนีที่มีความแข็งที่สุด+กับวายุที่พลังในการสลาย ทำให้ได้เฟรมแอโร่ที่รุนแรงที่สุด (Flame thunder)
แล้วยังมีคล้ายๆบอร์ด อากาศ เอาไว้สำหรับ บิน (มันคือ โล่ของโกคุที่ใช้ ป้องกันมันสามารถเปลี่ยนรูปแบบไปใช้ ใช้ในการเคลื่อนที่ได้) พอคอมโบฟอม่า กับ อุริ กลายเป็นธนู G
แม่ของโกคุเทระเป็นนักเปียโน ส่วนตัวโกคุเดระเองก็เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็ก
หมายเหตุ นามสกุลของโกคุเทระ ตามต้นฉบับที่ถูกต้องต้องอ่านว่า"โกคุเดระ" แต่เมื่อได้รับการนำมาตีพิมพ์ในภาษาไทยได้มีการคลาดเคลื่อนไปจากต้นฉบับ อนึ่ง ในฉบับอะนิเมะของภาษาไทยก็ยังคงเรียกว่า"โกคุเดระ"ตามต้นฉบับ
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
ดูบทความที่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ
ยามาโมโตะ ทาเคชิ (山本 武 | Yamamoto Takeshi)
กิจวัตรประจำวัน : ไปสนามแข่งขัน (นามิโมริ โบว์)
ความฝัน : นักเบสบอลมืออาชีพ
อาหารที่ชอบ : ซูชิ
เครื่องดื่มที่ชอบ : นม
เครื่องดนตรีที่ชอบ : กลองวาไทโกะ
อายุ : 15 ปี
วันเกิด : 24 เมษายน
ราศี : ราศีพฤษภ
กรุ๊ปเลือด : โอ
ส่วนสูง : 177 เซน
น้ำหนัก : 63 กิโล
ประเทศที่เกิด : ญี่ปุ่น
อาวุธ : ชิงุเระคิโทคิ ดาบไม้ ที่เมื่อใช้ท่าของชิงุเระโซเอนจะกลายเป็นดาบมีคม(อาวุธในศึกChoiceมี3ดาบสั้นจากจิโร่),กล่องนางแอ่นพิรุณ (โคจิโร่) ,กล่องสุนัขคาบดาบ (จิโร่) เมื่อดาบไม้รวมร่างกับโคชิโร่(Cambio Forma) จะได้เป็นดาบนางแอ่น
ท่าไม้ตาย : กระบวนท่าเพลงดาบชิงุเระโซเอ็น (ภายหลังเพิ่มเป็น4ดาบ เรียก4ดาบไร้กฏเกณท์ แต่ยังคงเปนชิงุระโซเอ็น)
กระบวนท่ารุก ลำดับที่ 1 กงล้อพิรุณ พุ่งเอาดาบแทงศัตรูตรงๆโดยใช้น้ำโอบล้อมร่างกาย
กระบวนท่ารับ ลำดับที่ 2 พิรุณโปรยสาด ใช้กำแพงน้ำกำบังกายแล้วย่อตัวลงป้องกัน
กระบวนท่ารุก ลำดับที่ 3 พิรุณสาดซัด ใช้เท้าเตะดาบพุ่งไปหาศัตรู
กระบวนท่ารับ ลำดับที่ 4 พิรุณหนาวกระหน่ำพัด หลบหลีกคมดาบของศัตรูโดยการปรับลมหายใจให้ตรงกัน
กระบวนท่ารุก ลำดับที่ 5 พิรุณเดือนห้า สลับดาบไปอีกมือทำให้จังหวะและวิถีดาบเปลี่ยนไปตามใจชอบได้
กระบวนท่ารับ ลำดับที่ 6 ยังไม่ปรากฏ แต่เป็นกระบวนท่ารับ
กระบวนท่ารับ ลำดับที่ 7 พิรุณกระโชกพัด กันการโจมตีศัตรูโดยฟันหมุนเป็นวงกลม
กระบวนท่ารุก ลำดับที่ 8 พิรุณกระหน่ำแทง พุ่งไปหาศัตรูฟันดาบในแนวนอนจากขวาไปซ้ายอย่างรวดเร็ว
กระบวนท่ารุก ลำดับที่ 9 ฝนสะท้อนเงา ตวัดดาบสร้างคลื่นให้เกิดเงาลวงศัตรูแล้วพุ่งไปฟันด้านหลัง
กระบวนท่าพิเศษรุก ลำดับที่ 10 นกนางแอ่นประจัญบาญ (Scontro di rondine) ใช้ชิโร่บินสร้างไฟพิรุณนำทางแล้ววิ่งตามไปฟันด้วยดาบที่มีไฟธาตุพิรุณอยู่
กระบวนท่าพิเศษรุก ลำดับที่ 11 จงอยปากนางแอ่น (Beccata di rondine) แทงดาบด้วยควาเร็วสูงจนเหมือนดาบมีหลายเล่ม
• ในอีก10ปี ใช้สคอนโทรดิออนดิเน พร้อมกับพิรุณกระหน่ำแทง (มีการใช้ท่าของสควอโลด้วย เช่น Attack Gold D Scuolo)
กระบวนท่าพิเศษรุก รวมกระบวนท่า ใช้ได้ตอนรวมดาบกับ โคจิโร่ เป็นการกระจาย ไฟดับเครื่องชนธาตุพิรุณ ในรัศมีกว้าง สิ่งที่อยู่ในรัศมีนั้น จะขยับช้ามากจนแทบจะไม่เห็นการเคื่อนไหวเลย
แรมโบ้
แรมโบ้ (ランボ | Lambo) เด็กนักฆ่าที่คิดจะฆ่ารีบอร์นแต่ทำไม่สำเร็จ ภายหลังตกเป็นภาระให้สึนะต้องดูแล มีบาซูก้าทศวรรษที่บอสของโบวีโน่ แฟมืลี่[แฟมิลี่ที่เล็กกว่าวองโกเล่ แฟมิลี่ ]มอบมาให้ ซึ่งเป็นของเล่นประจำตัว เป็นผู้พิทักษ์แหวนแห่งอัสนีของวองโกเล่และเป็นเด็กที่ติงต๊อง ตั้งแต่เขาเกิดมาก็โดนฟ้าผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายปรับตัวอย่างที่หาได้ยากหรือเรียกว่า อิเล็กทริคโก้ ควอยโอ้ (ผิวอัสนีบาต) ซึ่งเป็นเหตุทำให้แรมโบ้กลายเป็นผู้พิทักษ์แหวนแห่งอัสนี แรมโบ้ มีท่าไม้ตายคือ อิเล็กทริคโก้ คอนนาต้า และอิเล็กทริคโก้ รีเวิส สายฟ้าสำหรับเขา (ในอนาคต) เหมือนเป็นลูกแมว คำพูดที่ติดปากของแรมโบ้คือ อดทนไว้
ฮิบาริ เคียวยะ
ดูบทความที่ ฮิบาริ เคียวยะ
ฮิบาริ เคียวยะ (雲雀 恭弥 | Hibari Kyōya) กรรมการคุมกฏระเบียบประจำโรงเรียนนามิโมริ รักโรงเรียนมากถึงขนาดใช้เพลงริงโทนมือถือเป็นเพลงโรงเรียน และเขาก็ยังสนใจในตัวรีบอร์นอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ฮิบาริยอมไม่ได้ที่จะมีคนมาดูถูกโรงเรียน หรือเด็กนักเรียนนามิโมริถูกทำร้าย เขาจึงเป็นคนที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน ฮิบาริเกลียดการสุมหัว มีฝีมือที่ร้ายก้าจ แถมยังเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวองโกเล่อีกด้วย

ประวัติ
เกิดวันที่: 5 พ.ค. (เนื่องจากจำได้ว่าตัวเองเกิดในวันเด็กผู้ชาย)
สูง: 169cm.
หนัก: 59 Kg.
สัญชาติ:ญี่ปุ่น
คำพูดติดปาก:ชั้นจะขย้ำแกให้ตาย (kimikarakamikorosu) กับ wow
อาวุธ:กระบองสั้น (ทอนฟา) ซึ่งติดอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกตุ้ม ตะขอเกี่ยว ฯลฯ กล่อง แหวนแห่งเมฆา
ท่าไม้ตาย:ชาโดว์บอล ขยายตัว ลูกตุ้มหนาม
อาหาร:อาหารญี่ปุ่น,แฮมเบิร์ก
รหัสประจำตัว:18
ครูสอนพิเศษ:ดีโน่
สัตว์เลี้ยง:ฮิเบิร์ด
โรคุโด มุคุโร
ดูบทความที่ โรคุโด มุคุโร่
วันเกิด : 9 มิถุนายน
อายุ : 15 ปี
ราศี : ราศีเมถุน
กรุ๊ปเลือด : บี
ส่วนสูง : 177.5 เซน
น้ำหนัก : 62 กิโล
ประเทศที่เกิด : อิตาลี
สีที่ชอบ : สีดำ สีม่วง
งานอดิเรก : เดินเล่นในภาพลวงตา <- - เดินจนไปเจอนางิ(โครม)ไง
อาหารที่ชอบ : ช็อคโกแลต
อาหารที่ไม่ชอบ : อาหารเผ็ด
ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปริศนาและเกลียดมาเฟียอย่างมากที่ต้องการครอบครองร่างของสึนะเพื่อที่จะได้ทำลายมาเฟีย ในเนื้อเรื่องภาค "ศึกโกคุโย" มุคโร่ได้มาที่เมืองนามิโมริ พร้อมด้วยพรรคพวกอีก 6 คน ที่แหกคุกมาด้วยกัน เข้าค้นหาตัว "บอสรุ่นที่10ของวองโกเล่" มุคุโร่ได้จับตัวฟูตะไป และใช้ความสามารถของฟูตะเพื่อหาจุดอ่อนของพรรคพวกของสึนะแต่ละคน และ มุคุโร่ก็ได้ส่งพรรคพวกของเขาจัดการพวกสึนะทีละคน เพื่อล่อให้สึนะมาหาตนที่โกคุโยแลน หลังจากนั้นมุคุโร่ได้ต่อสู้กับสึนะโหมดไฮเปอร์ และพ่ายแพ้ในที่สุด
อีก 10 ปีข้างหน้าก็ได้ใช้กระสุนสิงสู่ไปสิงนกฮูกของโกร คิชิเนีย และเลโอนาโด ริปปี เพื่อเป็นสปายในมิลฟิโอเล่แฟมิลี และฟราน นักฆ่าสายหมอกของวาเรียเป็นลูกศิษย์ของตน
ท่าไม้ตายดวงตาวัฏสงสาร (ดวงตาแห่งการเวียนว่ายตายเกิด) เป็นความสามารถของโรคุโด มุคุโร ตัวละครจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ครูพิเศษจอมป่วน REBORN!รีบอร์นตาข้างขวาของมุคุโร่ใช้ความสามารถที่แตกต่างกันได้ 6 ความสามารถ ซึ่งแยกเป็น 6 พิภพ อันได้แก่
(一) พิภพนรก สามารถสร้างภาพลวงตาเสมือนจริงขึ้นมาหลอกหลอนศัตรูได้
(二) พิภพเปรต สามารถชิงท่าไม้ตายและความสามารถของบุคคลที่มุคุโรสิงสู่ด้วยการ"ทำสัญญา"
(三) พิภพเดรัจฉาน สามารถอัญเชิญสัตว์มีพิษที่ทำร้ายมนุษย์ออกมา ส่วนใหญ่มุคุโรจะอันเชิญงู
(四) พิภพอสูร เพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้รวดเร็วและทรงพลังยิ่งขึ้น เวลาใช้จะมีไฟดับเครื่องชนปรากฏขึ้นที่ตาข้างขวา
(五) พิภพมนุษย์ มีความสามารถของทุกพิภพรวมกัน เป็นพิภพที่ทรงพลังที่สุด เมื่อใช้ร่างของมุคุโรจะมีออร่าสีดำแผ่ออกมารอบตัว แต่ตัวมุคุโรเองเกลียดชังพิภพนี้มากที่สุดจึงไม่ค่อยใช้ และเวลาที่จะใช้พิภพนี้ มุคุโร่จะขยี้ตาอย่างแรงจนเลอดไหลออกมาจากตาเสมอ
(六) พิภพสวรรค์ สามารถสะกดจิตและควบคุมจิตใจของคนได้ ถ้าใช้ตอนอยู่ในสภาพที่ถูกกระสุนสิงสู่ยิง จะสามารถเข้าสิงร่างของคนที่ทำสัญญากับมุคุโร่ได้ ที่ตาขวาของมุคุโร่มักจะใช้พิภพนี้อยู่ตลอดเวลา อาจจะเพราะเป็นพิภพที่ใช้พลังน้อยที่สุด
โครม โดคุโร
ดูบทความที่ โครม โดคุโร
สาวน้อยอายุ 13 ปี สวมเครื่องแบบโรงเรียนโกคุโย ชื่อเดิมของเธอ คือ "นางิ" เธอประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเพราะเข้าไปช่วยเหลือแมวจนบาดเจ็บสาหัสทำให้สูญเสียตาข้างขวาและอวัยวะภายในทั้งหมด ทำให้ต้องได้รับอวัยวะจากคนกรุ๊ปเลือดเดียวกันเพื่อช่วยชีวิตเธอ แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่สนใจเพราะพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ จนในที่สุดระหว่างที่เธอกำลังจะตายนั้นเองโรคุโดก็ได้สร้างอวัยวะให้โครมด้วยภาพลวงตา ทำให้โครมมีชีวิตอยู่ได้ และโครมยังสามารถใช้ความสามารถพิภพนรก กับพิภพเดียรัจฉานของมุคุโร่ได้
วองโกเล่แฟมิลี่
Vongola famiglia หรือ วองโกเล่ แฟมิลี่ เป็นแก๊งมาเฟียที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับต้น ๆ เป็นแฟมิลี่สุดแกร่งมีอาณาเขตยึดครองอยู่ทั่วยุโรป มีประวัติยาวนานถึง 400 ปี ซึ่งเจตนาในการก่อตั้งแก๊งค์คือต้องการปกครองหรือปกป้องเมือง เพื่อน ๆ และคนที่รัก จากบรรดาแก๊งมาเฟียต่าง ๆ ในแบบฉบับของมาเฟียเนื่องจากสมัยนั้นเป็นยุคบุกเบิกของมาเฟียอิตาลี จึงทำให้มีมาเฟียแก๊งต่าง ๆ ออกมาอาละวาดก่อสร้างความวุ่นวายทำร้ายผู้คนในเมืองต่าง ๆ ทั่วอิตาลี แม้กระทั่งกฎหมายและตำรวจก็ไม่สามารถแก้ไขได้พรีโม่(วองโกเล่รุ่นที่ 1)ที่สมัยนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสึนะต้องการปกป้องเมืองของตัวเองเลยคิดวิธีหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง มันเป็นมาเฟียเราก็ต้องเป็นมาเฟีย ที่ทำเรื่องนอกกฎหมายต่อสู้กับมาเฟียเพื่อปกป้องเมือง แรกเริ่มเดิมทีคือการตั้งศาลเตี้ยและขยายอิทธิพลแก๊งค์มาเป็นวองโกเล่แฟมิลี่จนถึงปัจจุบัน และมีกฎเหล็กว่าผู้ที่สืบทอดตำแหน่งบอสจะต้องมี "สายเลือดแห่งวองโกเล่ :Blood Of Vongala" เท่านั้นและผู้ที่มี Blood Of Vongala จะมีความสามารถที่สืบทอดให้กันในสายเลือดวองโกเล่คือ "สุดยอดลางสังหรณ์" แต่ใช่ว่าผู้ที่มีBlood Of Vongala ทุกคนจะสามารถเป็นบอสของวองโกเล่ได้จะต้องได้รับการทดสอบ แล้วต้องเป็นที่ยอมรับของบอสวองโกเล่และบอสขององค์กรผู้ดูแลนอกแก๊ง ซึ่งทั้งสองจะเก็บ "Half Vongola Ring" แหวนวองโกเล่คนละครึ่งวงมอบให้ผู้สืบทอดตำแหน่งบอสนั่นเอง ซึ่งผู้สืบทอดตำแหน่งบอสจะมีชื่อเรียกขานต่าง ๆ กันดังต่อไปนี้
• วองโกเล่รุ่นที่หนึ่ง (Primo) มีชื่อเรียกว่า Giotto(จิอ็อตโต้)อาวุธคือถุงมือรูปแบบเดียวกับ สึนะ เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวขานว่า เป็นหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่ จนได้รับขนานนามว่า "บุรุษแห่งนภา" วองโกเล่รุ่นแรก ขอเพียงเป็นคนที่ถูกใจ จะเป็นใครมาจากไหน ก็ยอมรับได้หมด แฟมิลี่รุ่นแรกมีทั้ง กษัตริย์ ทหาร มาเฟียคู่แข่ง ผู้นำลัทธิ มีท่าไม้ตายที่ถูกเรียกว่าเป็นตำนานว่า"เดือดทะลุจุดศูนย์" จากเหตุการณ์ขัดแย้งกับรุ่นที่ 2 ที่เป็นพี่น้องต่างมารดากัน ซึ่งจีอ๊อตโต้ไม่อยากจะมีเรื่องบาดหมางกับพีน้องของตัวเองจึงได้ล้างมือจากวงการมาเฟียมาอยู่ที่ญี่ปุ่นโดยการชักชวนอาซาริ อุเกทสึ ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณและได้เปลี่ยนชื่อเป็น ซาวาดะ อิเอยะสึ พรีโม่หรือจีอ๊อตโต้มีลูกด้วยกัน 2 คน อยู่ที่ญี่ปุ่น 1 คนและอยู่ที่อิตาลี อีก 1 คน ชื่อSimora นั่นก็คือSesto วองโกเล่รุ่นที่ 6
• วองโกเล่รุ่นที่สอง (Secondo) เป็นพี่น้องต่างมารดากับจีอ๊อตโต้ มีนิสัยโหดร้ายต้องการจะให้วองโกเล่เป็นมาเฟียที่โหดร้ายครอบครองสังคมมืดทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้มีข้อขัดแย้งกับพรีโม่ จนในที่สุดตัวเองก็ได้เป็นบอสของวองโกเล่รุ่นที่ 2 ซึ่งเมื่อเขาได้รับตำแหน่งนี้เขาได้ใช้ความหวาดกลัวครอบครองสังคมมืด และวองโกเล่ก็ได้เริ่มแปรเปลี่ยนจากที่เป็นมาเฟียเพื่อดูแลความสงบสุขของเมือง มาเป็นมาเฟียในแบบที่โหดร้ายก็ในยุคของเขาวองโกเล่เซคันต์ มีไฟ "เพลิงพิโรธ" ซึ่งเป็นไฟที่มีความรุนแรงสูงมาก ไม่ใช้อาวุธ ใช้มือเปล่าเท่านั้น จะใช้ก็ต่อเมื่อโกรธจึงจะใช้ "เพลิงพิโรธ"
• วองโกเล่รุ่นที่สาม (Terzo) อาวุธ มีด
• วองโกเล่รุ่นที่สี่ (Quarto) อาวุธคือ ส้อม
• วองโกเล่รุ่นที่ห้า (Quinto) อาวุธ กรรไกร
• วองโกเล่รุ่นที่หก (Sesto) มีชื่อเรียกว่า Simora(ซิโมร่า)เป็นลูกชายของวองโกเล่รุ่นที่ 1 อาวุธบูมเมอร์แรง
• วองโกเล่รุ่นที่เจ็ด (Settimo)มีชื่อเรียกว่า Fabio(แฟบิโอ้) อาวุธคือ ปืนที่มีสัญลักษณ์ ในบรรดาหัวหน้าแก๊ง รุ่นที่ 7 มีพลังไฟ รุนแรงน้อยที่สุดในบรรดาหัวหน้าแก๊ง แต่เพราะมีปืนที่สามารถบรรจุไฟทีละน้อยๆ แล้วยิงออกมาอย่างรุนแรงได้ จึงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดหัวหน้าแก็งมาเฟียเลยทีเดียว และได้ดัดแปลงกระสุนดับเครื่องชนเองด้วย จากแผงผังตระกูลวองโกเล่เขาคือลูกชายของรุ่นที่หก
• วองโกเล่รุ่นที่แปด (Ottavo)ชื่อของเธอคือ Daniela(ดานิเอล่า) อาวุธ หน้าไม้ เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เป็นบอสของวองโกเล่จากแผงผังตระกูลวองโกเล่เขาคือลูกสาวของรุ่นที่เจ็ด
• วองโกเล่รุ่นที่เก้า (Nono)มีชื่อเรียกว่า Timoteo(ทิมอเทโอ) อาวุธ คฑา ผู้ที่ถูกขนานนามว่า ได้รับฉายา เลือกสรรค์ของพระเจ้า เพราะเป็นผู้ที่ มีสายตาที่มองคนทะลุปรุโปร่งและสามารถใช้ท่าที่เป็นตำนานของวองโกเล่รุ่นที่1 "เดือดทะลุจุดศูนย์" ได้ มีพลังระดับกลาง ๆ ในรายชื่อบอสของวองโกเล่
• วองโกเล่รุ่นที่สิบ (Decimo) อาวุธคือ X Glove ถุงมือ ที่มีตัว X หรือ เลข 10 ของโรมัน เป็นเครื่องหมาย โดยในศึกภาคอนาคต X Glove สามารถรวมพลังกับแหวนแห่งนภา ได้มาจากการทดสอบในตำนานที่หัวหน้าแก๊งวองโกเล่ทุกคนต่างได้รับการทดสอบมาแล้ว กลายเป็น X Glove Ver.Vongola Ring โดยสัญลักษณ์ของวองโกเล่ จะเข้ามาแทนที่ ตัว X ท่าไม้ตายเดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับต้นตำรับ , เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง , X Buster , X-Burner , X-Stream , X-burner air , X-burner Hyper Explosin , Big Bang Axel
ท่าไม้ตายที่ให้นัตสึ อาวุธกล่องสิงโตนภา คอมบิโอ โฟลม่ารวมร่างกับถุงมือ X-Glove Ver.Vongola Ring ขณะจู่โจม และสึนะเป็นบอสวองโกเล่คนเดียวนอกจากรุ่นที่ 1 ที่สามารถปลุกพลังของแหวนวองโกเล่ให้กลับมาเป็นรูปลักษณ์เดิมได้เพราะได้เข้าใจเจตนารมณ์ของวองโกเล่ของรุ่นที่หนึ่งนั่นเอง
• แหวนแห่งนภา เป็นเหมือนกับท้องฟ้า ที่โอบอุ้มทุกสิ่งเอาไว้ ผู้ครอบครอง คือ ซาวาดะ สึนะโยชิ
• แหวนแห่งวายุ เปรียบเสมือนสายลม ที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ที่จะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไป ผู้ครอบครอง คือ โกคุเทระ ฮายาโตะ
• แหวนแห่งพิรุณ เปรียบเสมือนสายฝน ซึ่งจะชำระล้างทุกสรรพสิ่ง ผู้ครอบครอง คือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ
• แหวนแห่งเมฆา เปรียบเสมือนเมฆ ที่ล่องลอยไปอิสระ ไม่ผูกมัดกับใคร ผู้ครอบครอง คือ ฮิบาริ เคียวยะ
• แหวนแห่งอรุณ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่สาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสว ผู้ครอบครอง คือ ซาซางาวะ เรียวเฮ
• แหวนแห่งอัสนี เปรียบเสมือนสายฟ้า ที่เก็บซ่อนพลังอำนาจอันร้ายแรงเอาไว้ ผู้ครอบครอง คือ แรมโบ้
• แหวนแห่งสายหมอก เปรียบเสมือนภาพลวงตา ซึ่งไม่สามารถจับต้องตัวจริงได้ ผู้ครอบครอง คือ โคลม โดคุโร่ (โรคุโด มุคุโร)

ผู้พิทักษ์วองโกเล่แฟมิลี่รุ่นที่ 1
ผู้พิทักษ์แห่งวายุ - G(จี)
G คือเพื่อนสนิทในวัยเด็กและยังเป็นมือขวาของวองโกเล่รุ่นที่ 1 เป็นคนที่ร่วมกับรุ่นที่ 1 ก่อตั้งวองโกเล่แฟมิลี่ขึ้นมา G มีลอยสักที่ครึ่งหน้าข้างขวาป็นรูปไฟ นิสัยต่างกับโกคุเดระคือ "ความสุขุม" แต่เหมือนกันตรงที่ความจงรักภักดีและทำตามคำสั่งทุกอย่างจากรุ่นที่ 1 ปกติเมื่อเขาทำงานอย่างอื่นจะใช้ปืนในการทำงานเป็นหลักแต่ถ้าเป็นงานที่มอบหมายโดยรุ่นที่ 1 เขาจะใช้ธนูเป็นอาวุธ นั้นจึงทำให้เขาไม่เคยแพ้ใคร
อาวุธ - ปืน ,ธนู
ท่าไม้ตาย - ???

ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณ - Asari Ugetsu(อาซาริ อุเกทสึ)
อุเกทสึเป็นนักดนตรีชาวญี่ปุ่น ได้เข้าวองโกเล่แฟมิลี่มาเกือบพร้อม ๆ กับจีผู้พิทักษ์วายุรุ่นที่ 1 (คล้าย ๆ ที่สึนะรับโกคุเดระเข้าแฟมิลี่มาก่อนแล้วรับยามาโมโตะตามเข้ามาทีหลังนั่นเอง)นิสัยของอุเกทสึคงแบบเดียวกับยามาโมโตะ รักเพื่อน ยอมเสียสละเพื่อเพื่อน อุเกทสึชอบเล่นดนตรีมากกว่าการจับดาบ แต่เมื่อครั้งที่รุ่นที่1 มีภัยจากศัตรู อุเกทสึ นำเครื่องดนตรีที่เขารักไปแลกกับดาบสั้น 3 เล่มและดาบยาว 1 เล่ม เพื่อช่วยปกป้องรุ่นที่ 1 นอกจากนี้อาซาริยีงเป็นคนที่ชักชวนให้จิอ๊อตโต้ วองโกเล่รุ่นที่ 1 ที่ล้างมือจากวงการมาเฟียมาอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
อาวุธ - ดาบคะตะนะ 1 เล่มและดาบสั้น 3 เล่มหรือเรียกว่า 4 ดาบพิศดารเป็นที่มาของอาวุธกล่องของยามาโมโตะ
ท่าไม้ตาย - Frozen Rain(ฝนแช่แข็ง),Torential Dance(ระบำที่ไหลเชี่ยว),Kuzuryu Riverfall(น้ำตกมังกรฟ้า)

ผู้พิทักษ์แห่งเมฆา - Alaude(อเลาดิ)
อเลาดิทำงานในหน่วยสืบราชการลับขององค์กรในต่างประเทศแห่งหนึ่ง ถูกชักชวนจากวองโกเล่รุ่นที่ 1 ให้มาเป็นผู้พิทักษ์แห่งเมฆา นิสัยคงแบบเดียวกับฮิบาริ ผู้ที่ไม่ชอบการสุมหัวและรักษาในกฎต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดจำทำอะไรต้องยุติธรรมที่สุด อเลาดิเป็นคนที่ไม่ยอมใครและไม่ยอมรับในแนวทางของแฟมิลี่ซักเท่าไร แต่กระนั้นก็ยังยอมรับในตัวของจิอ๊อตโต้จึงข้ามเส้นทางมาเป็นผู้พิทักษ์แห่งเมฆาที่เดินทางเป็นคู่ขนานกับวองโกเล่ (คล้ายกับฮิบาริในอีก 10 ปีข้างหน้าที่ยอมรับสึนะที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปราบเบียกคุรัน)แต่เมื่อมีศัตรูมาทำร้ายแฟมิลี่ เขาเป็นคนที่กำจัดศัตรูได้มากที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้อเลาดิและนัคเคิ้ลก็ยังนั้นมีความคล้ายคลึงกับความสัมพันธุ์ของฮิบาริและเรียวเฮในอีก 10 ปีข้างหน้าคือ นัคเคิ้ลชอบไปมาหาสู่กับอเลาดิแต่ลงท้ายก็วางมวยกันเสมอ ("Alaude" เป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสแผลงมาจากคำว่า "Arvensis Alauda" ซึ่งเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของนกสกุลสกายลาร์ซึ่งที่ญี่ปุ่นเรียกนกสกุลนี้ว่า "Arubenshisuhibari" ซึ่งไปพ้องกับชื่อของ "ฮิบาริ เคียวยะ" ผู้พิทักษ์แห่งเมฆารุ่นที่ 10)
อาวุธ - กุญแจมือ
ท่าไม้ตาย - ???

ผู้พิทักษ์แห่งอรุณ - Knuckle(นัคเคิ้ล)
นักมวยผู้ที่เป็นแชมป์ที่ไม่เคยถูกโค่นจากตำแหน่ง แต่อาชีพของเขาต้องจบลงเพราะ เมื่อเขาได้พลั้งมือฆ่าคู่ต่อสู้ในการแข่งขันชกมวยครั้งหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกผิดและได้แขวนนวม แล้วไปบวชเป็นบาทหลวง นับแต่นั้นก็ไม่เคยเข้ามายุ่งในวงการมวยอีกเลย วองโกเล่รุ่นที่ 1 จึงได้ชวนมาเป็นผู้ทักษ์แห่งอรุณ แต่เมื่อแฟมิลี่มีภัย นัคเคิลได้ยอมทิ้งปณิธานที่ตัวเองตั้งไว้ จับนวมอีกครั้งเป็นเวลา 3 นาทีเพื่อปกป้องแฟมิลี่ นอกจากนี้นัคเคิ้ลและอเลาดิก็ยังนั้นมีความคล้ายคลึงกับความสัมพันธุ์ของฮิบาริและเรียวเฮในอีก 10 ปีข้างหน้าคือ นัคเคิ้ลชอบไปมาหาสู่กับอเลาดิแต่ลงท้ายก็วางมวยกันเสมอ
อาวุธ - นวม
ท่าไม้ตาย - ???

ผู้พิทักษ์แห่งอัสนี - Lampo(แรมโพ)
แรมโพเป็นลูกหลานของกลุ่มราชวงค์ที่ครอบครองที่ดินที่หนึ่ง เป็นคนที่ขี้ขลาดมาก เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจทุกอย่างแต่เขาก็มีความสามารถที่ร้ายแรงเก็บไว้ วองโกเล่รุ่นที่ 1 จึงชักชวนเขาเข้ามาเป็นผู้พิทักษ์อัสนี แถมยังให้ออกสู้รบในแนวหน้าอีกด้วยเพื่อขจัดความขี้ขลาดและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา รอเวลาที่จะปลดปล่อยออกมา นิสัยคงแบบเดียวกับแรมโบ้ ขี้แย แบบเด็ก ๆ รูปร่างหน้าตาของแรมโพเหมือนแรมโบ้ในอีก 10 ปีข้างหน้าต่างกันเพียงสีผมและสัญลักษณ์ใต้ตาข้างขวาที่แรมโพจะเป็นรูปสายฟ้า แต่ของแรมโบ้จะเป็นรูป # เท่านั้น (Lampo เป็นภาษาอิตาลีถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ "flash" หรือ "lightning" ที่แปลว่า "สายฟ้า")
อาวุธ - กระทะ
ท่าไม้ตาย - ???

ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก - Demon Spade(เดม่อน สเปด)
เดม่อน สเปด มาจากแฟมิลี่ที่เป็นคู่แข่งของวองโกเล่ ภายหลังกลายเป็นคนทรยศเดม่อนเลยตัดสินใจออกจากวองโกเล่แฟมิลี่รุ่นที่ 1 โดยมอบแหวนวองโกเล่แห่งสายหมอกให้กับลูกสาวของตนเป็นคนสวมไว้แทน(น่ากลัวว่าหน้าจะคล้ายโคลม) แต่เขาก็ยังคงเก็บนาฬิกาพกอันเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพเอาไว้ มีคำว่า "ฮืม (Hmm~)" ติดปากอยู่เสมอ ลักษณะเหมือนมุคุโร่นิสัยก็คงแบบเดียวกันคือ ปากไม่ตรงกับใจ ว่ากันว่าผู้ใดที่ถูก เดม่อน สเปดจ้องมองผ่านเลนส์ปีศาจจะถูกสาป และยังใช้มองทะลุได้ทุกสิ่ง ว่ากันว่าผู้ที่มีปัญหากับ เดม่อน สเปด วันต่อมาจะพบคน ๆ นั้นนอนลอยคอตายอยู่ที่ทะเล เดม่อน สเปด ยังเป็นเป็นผู้พิทักษ์ของบอสวองโกเล่ทั้ง 2รุ่นคือ เป็นผู้พิทักษ์สายหมอกให้กับ วองโกเล่รุ่นที่1 กับ รุ่นที่2อีกด้วย
อาวุธ - คฑา ,เลนส์ปีศาจ
ท่าไม้ตาย - ???
Consulenza Esterna Della Famiglia องค์กรที่ปรึกษานอกแก๊งค์
Consulenza Esterna Della Famiglia ; CEDEF เป็นองค์กรผู้ดูแลนอกแก๊ง,ที่ปรึกษานอกแก๊งของวองโกเล่แฟมิลี่ ที่มีแต่คนฝีมือดี จะคอยช่วยวองโกเล่เมื่อเกิดเหตุอันตราย ซึ่งหัวหน้าขององค์กรจะเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกผู้สืบทอดบอสของวองโกเล่
ซาวาดะ อิเอมิสึ
พ่อของสึนะ เป็นบอสผู้ดูแลนอกแก๊งของวองโกเล่ และเป็นNo.2 ของวองโกเล่ เป็นคนที่เสนอชื่อให้สึนะเป็นวองโกเล่รุ่นที่ 10 และได้เก็บรักษาฮาร์ฟวองโกเล่ไว้
บาจิล
สังกัดอยู่ในองค์กรของผู้ดูแลนอกแก๊ง (CEDEF) ลูกศิษย์ของอิเอมิสึ สอนให้สึนะควบคุมไฟดับเครื่องชน มีไฟดับเครื่องชนเป็นสีฟ้า ธาตุ พิรุณ

pokemon




โปเกมอน
โปเกมอน (ญี่ปุ่น: ポケモン Pokémon ?) หรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ (ญี่ปุ่น: ポケットモンスター Poketto Monsutā ทับศัพท์จาก Pocket Monster ?) เป็นวิดีโอเกมแนว RPG ผลิตและพัฒนาโดยนินเทนโด และสร้างขึ้นโดยซาโตชิ ทาจิริ ในราว ๆ พ.ศ. 2538 ในตอนแรกเป็นเกมสำหรับเล่นกับเกมบอยที่สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างเครื่องต่อเครื่องได้ โปเกมอนกลายมาเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับ 2 รองจากเกมชุดมาริโอ[1] และได้กำไรดี โปเกมอนนอกจากจะทำเป็นเกมแล้ว ยังทำออกมาเป็นการ์ตูนอะนิเมะ มังงะ การ์ดเกม ของเล่น หนังสือ และสื่ออื่นๆ ทางแฟรนไชส์ของโปเกมอนได้ฉลองครบรอบ 10 ปีโปเกมอนไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา และในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ยอดขายเกมรวมทั้งเครื่องเล่นนินเทนโด 64 ลายพิกะจู เพิ่มถึงกว่า 175 ล้านสำเนา[2]
คำว่าโปเกมอน (Pokémon) เป็นการลดรูปคำแบบโรมันจากตราภาษาญี่ปุ่น "พ๊อคเก็ต มอนสเตอร์" คำว่าโปเกมอน จะหมายถึงสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ 493 ชนิด ที่ปรากฏให้เห็นในสื่อต่าง ๆ ของโปเกมอน เช่นในการเกมสวมบทบาทใหม่ล่าสุด บนเครื่องนินเทนโด ดีเอส นั่นคือโปเกมอนภาคไดมอนด์ และเพิร์ล
โปเกมอนนอกจากจะถูกสร้างเป็นอะนิเมะถึง 12 ซีซัน เป็นเกม เป็นการ์ดเกม และของเล่นต่างๆแล้ว ยังเคยถูกสร้างเป็นการ์ตูนฉบับภาพยนตร์มาแล้วเป็นจำนวน 12 ตอน
ในประเทศไทย ได้มีการนำการ์ตูนโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ประมาณปี พ.ศ. 2544 และหลังจากปี พ.ศ. 2548 การ์ตูนเรื่องนี้ได้หายไปจากรายการกว่า 3 ปี และกลับมาอีกครั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 และได้ยุติการออกอากาศเมื่อเดือนมีนาคม 2552 และทางสถานีได้นำมาออกอากาศต่ออีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553
ชื่อและการออกเสียง
ในประเทศญี่ปุ่นเรียกโปเกมอนว่า พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ (Pocket Monsters) ซึ่งเป็นชื่อที่แพร่เข้าสู่อเมริกาเหนือ แต่ชื่อพ็อคเก็ตมอนสเตอร์ (Pocket Monsters) นี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทะเบียนการค้าของ มอนสเตอร์ อิน มาย พ็อคเก็ต ที่เป็นชื่อของสื่อการ์ตูนในแถบนั้นเช่นกัน ดังนั้นทางนินเทนโดจึงตัดสินใจที่จะใช้ชื่อที่สั้นลง และใช้ชื่อใหม่นี้กับญี่ปุ่นด้วย โดยเปลี่ยนชื่อมาเป็น โปเกมอน โดยคำว่า "โปเก (Poké)" นั้นมาจากคำว่า พ็อคเก็ต (pocket) ที่แปลว่ากระเป๋า และ "มอน (Mon)" แปลงมาจากคำว่า มอนสเตอร์ (Monsters) ที่แปลว่าสัตว์ประหลาดนั่นเอง
เนื่องจากการเน้นเสียงในชื่อโปเกมอน มีการอ่านออกเสียงที่เฉพาะเจาะจงว่า โพค-เอ-มอน จะอ่านโดยการเน้นออกเสียงพยางค์ที่สอง แต่การอ่านออกเสียงที่ผิดก็มีอย่างเช่น โพค-อี-มอน โพค-เอ-มัน และพ็อค-อา-มอน เป็นต้น[3]
ประวัติ
โปเกมอน ถูกคิดขึ้นโดยนายซาโตชิ ทาจิริ นักเขียนโปรแกรมชาวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยโปเกมอนจะเป็นตัวการ์ตูนที่เลียนแบบสัตว์ต่าง ๆ ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็น กิ้งก่า หนอน ดักแด้ ผีเสื้อ ผึ้ง หนู กระรอก ตัวตุ่น เป็ด ลูกอ๊อด กบ เป็นต้น หรือจะเป็นพืช เช่น ต้นมะพร้าว เป็นต้น โดยผู้ที่เป็นเจ้าของโปเกมอน ร่วมเดินทาง ร่วมผจญภัยไปพร้อมกับโปเกมอนจะเรียกว่า ผู้ฝึกโปเกมอน (Pokémon Trainer) โดยเนื้อเรื่องของโปเกมอนนั่นเป็นเรื่องของการผจญภัยของตัวละครเอกที่มีชื่อว่า ซาโตชิ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับผู้คิดค้น ร่วมเดินทางไปกับโปเกมอนคู่หูที่มีชื่อว่า "พิกะจู" โปเกมอนหนู รูปแบบไฟฟ้า ซึ่งได้รับจากตัวละครด็อกเตอร์ออร์คิดส์ โปเกมอนตัวนี้เป็นโปเกมอนที่มีผู้คนรู้จักและถูกพูดถึงมากที่สุด และสมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) โดยมีเพื่อนร่วมทางอย่าง คาสึมิ และทาเคชิ และมีกลุ่มแก๊งค์วายร้ายที่หวังจะชิงตัวพิกะจูไปจากพวกซาโตชิ แก๊งค์นี้คือ แก๊งร็อกเก็ต (Team Rocket) แต่ก็ถูกโปเกมอนของพวกซาโตชิกำจัดไปได้ทุกตอน และในภาคต่อมา ก็มีตัวละครใหม่ที่ร่วมเดินทางกับซาโตชิ คือ ฮารุกะ และ มาซาโตะซึ่งออกตัวในPokemon Advance Gerenetion เคนจิในPokemon Part2และ ฮิคาริในDiamond & Pearl
การสะสมและระบบการเล่น
ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับโปเกมอน ทั้งในวิดีโอเกมและโลกนิยายโปเกมอนทั่ว ๆ ไป เกิดขึ้นทางการสะสมแมลง งานอดิเรกที่นิยมกันซึ่งซาโตชิ ทาจิริ โอนิวะ สนุกกับมันตอนเป็นเด็ก ตัวที่ผู้เล่นควบคุมในเกมนี้จะเรียกว่า ผู้ฝึกโปเกมอน (Pokémon Trainers) และจุดมุ่งหมายในเกมโปเกมอนส่วนใหญ่ 2 อย่างของผู้ฝึกโปเกมอนคือการล่าจับโปเกมอนครบทุกสายพันธุ์ที่พบในดินแดนของเกมและบันทึกไว้ในสมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) และอีกอย่างคือการฝึกโปเกมอนในทีมที่จับมาได้เพื่อต่อสู้กับโปเกมอนของผู้ฝึกโปเกมอนคนอื่น และในที่สุดก็จะเป็นผู้ฝึกที่แข็งแกร่งที่สุดที่เรียกว่า โปเกมอนมาสเตอร์ (Pokémon Master) การสะสม การฝึก และการต่อสู้พวกนี้มีอยู่ในแฟรนไชส์โปเกมอนแทบทุกเวอร์ชัน ซึ่งประกอบไปด้วยวิดีโอเกม ซีรีส์อะนิเมะ ซีรีส์มังงะ และโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม (Pokémon Trading Card Game)
ผู้ฝึกโปเกมอนต้องเผชิญหน้ากับโปเกมอนป่าและจับมันได้โดยการเขวี้ยงโปเกบอล (Poké Ball) หรือในการ์ตูนอะนิเมะมักเรียกมันว่า มอนสเตอร์บอล (Monster Ball) ถ้าโปเกมอนหนีออกจากโปเกบอลไม่ได้ โปเกมอนตัวนั้นก็จะตกเป็นของผู้ฝึกโปเกมอนที่จับมันได้ทันที และหลังจากนั้น มันจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้ฝึกคนนั้น ถ้าผู้ฝึกไม่ฝึกสอนอะไรให้มันเพียงพอต่อค่าประสบการณ์ มันก็จะทำท่าทางตามใจของมันเอง ผู้ฝึกสามารถเรียกโปเกมอนออกไปเพื่อต่อสู้กับโปเกมอนตัวอื่น ซึ่งถ้าเป็นโปเกมอนป่า ผู้ฝึกโปเกมอนสามารถจับมันได้ด้วยโปเกบอล เป็นการเพิ่มเหล่าโปเกมอนในคอลเลคชันของพวกเขา แต่จะจับโปเกมอนของผู้ฝึกคนอื่นไม่ได้ ยกเว้นตามเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในเกม ถ้าโปเกมอนสามารถเอาชนะโปเกมอนฝ่ายตรงข้ามได้ในการต่อสู้ โปเกมอนตัวนั้นจะหมดสติ โปเกมอนที่เอาชนะได้จะได้ค่าประสบการณ์เพิ่มและอาจจะเพิ่มเลเวล เมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น ค่าพลังสถานะต่าง ๆ ของโปเกมอนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งประกอบด้วยพลังโจมตี ความเร็ว เป็นต้น ในบางครั้งโปเกมอนอาจได้เรียนรู้ท่าใหม่ ๆ ที่ใช้ในการต่อสู้ นอกจากนั้น โปเกมอนหลายสายพันธุ์สามารถเปลี่ยนร่างเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คล้ายร่างเก่าแต่มีความแข็งแรงกว่า เรียกสิ่งนี้ว่า วิวัฒนาการของโปเกมอน
ในเกมโปเกมอน ผู้ฝึกโปเกมอนจะต้องนำโปเกมอนในทีมมาต่อสู้กับ NPC และโปเกมอนของพวกเขา ในแต่ละเกมจะวางทางเดินเนื้อเรื่องไว้เฉพาะสำหรับการผจญภัยของผู้ฝึก กล่าวถึงยิมลีดเดอร์ (Gym Leader) ซึ่งผู้ฝึกจะต้องเอาชนะเขาให้ได้เพื่อเดินเรื่องต่อไป และได้เข็มกลัดมาเป็นรางวัล และเมื่อใดที่ผู้ฝึกสะสมเข็มกลัดเหล่านี้ได้ครบ 8 อัน ผู้ฝึกจะสามารถเข้าไปต่อสู้ในโปเกมอนลีก ที่ซึ่งมีผู้ฝึกเก่งกล้าสามารถ หรือเรียกว่า จตุรเทพทั้งสี่ (Elite Four) ต้องต่อสู้กับผู้ฝึกเหล่านั้นทั้ง 4 คนต่อเนื่องกัน ถ้าผู้ฝึกโปเกมอนเอาชนะเหล่าเทพเหล่านี้ได้ เขาจะต้องไปต่อสู้กับแชมเปียนประจำท้องที่ (Regional Champion) ผู้ซึ่งเอาชนะจตุรเทพทั้ง 4 คนมาก่อนหน้าเราได้ และผู้ฝึกโปเกมอนที่เอาชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้ก็จะกลายมาเป็นแชมเปียนคนใหม่และได้พบกับฉากจบ
วิดีโอเกม
ซอฟต์แวร์เกมโปเกมอนที่พัฒนาโดยบริษัทนินเทนโด ได้รับความนิยมอย่างสูงจนมีการสร้างเกมภาคต่อและภาคเสริมออกมาอีกหลายภาค โดยเกมโปเกมอนถูกผลิตขึ้นให้เล่นกับเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมายเช่น เกมบอย เกมบอยคัลเลอร์ เกมบอยแอดวานซ์ นินเทนโด 64 นินเทนโด ดีเอส เกมคิวบ์ เป็นต้น โดยชื่อภาคของโปเกมอนในเกมบอยนั้น รุ่นแรกถึงรุ่นที่สองจะตั้งเป็นชื่อสี เช่น รุ่นที่หนึ่งได้แก่ เร้ด (แดง) บลู (น้ำเงิน) กรีน (เขียว) เยลโล่ว์ (เหลือง) รุ่นที่สองได้แก่ โกลด์ (ทอง) ซิลเวอร์ (เงิน) และอีกหนึ่งภาคหนึ่งของรุ่นที่สองที่ไม่ใช่สีคือ คริสตัล แต่ตั้งแต่รุ่นที่สามจนถึงรุ่นที่สี่ในปัจจุบัน จะเป็นชื่ออัญมณี เช่น รุ่นที่สามได้แก่ รูบี้ (ทับทิม) ซัฟไฟร์ (หินซัฟไฟร์) เอเมอรัลด์ (มรกต) รุ่นที่สี่ได้แก่ ไดมอนด์ (เพชร) เพิร์ล (ไข่มุก) แพลทินัม (ทองคำขาว) เป็นต้น นอกจากนี้ โปเกมอนภาคไดมอนด์ และเพิร์ล ที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2549 ยังเป็นเกมประเภท RPG ที่ขายได้มากที่สุดสำหรับเครื่อง นินเทนโด ดีเอส และต่อมาก็มีภาคใหม่ออกมาคือ Heart Gold และSoul Silver[4] แต่ในปี พ.ศ. 2553 จะมีโปเกมอนภาคใหม่ (รุ่นที่ 5) ได้ออกมาเล่นกัน มีชื่อว่า โปเกมอนแบล็คแอนด์ไวท์ (Pokémon Black & White) ซึ่งจะลงในเครื่องเล่นเกม นินเทนโด DS และจะวางจำหน่ายในตลาดที่ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2010
รุ่น (เจเนอเรชัน)
ดูเพิ่มที่รุ่น (เจเนอเรชัน)
เกมโปเกมอนฉบับดั้งเดิมที่สร้างโดยซาโตชิ ทาจิริ บนเครื่องเกมบอย เป็นเกมแนวบทบาทสมมุติ (RPG) เชิงวางแผน เกมหลักของเกมโปเกมอนดังกล่าวหมายรวมถึงเกมภาคต่อมา ภาคทำใหม่ และภาคที่แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย และเหล่าผู้เล่นเกมจะเรียกมันง่าย ๆ ว่า "เกมโปเกมอน" คุณสมบัติของโปเกมอนเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทในเครือของโปเกมอน (The Pokémon Company) ได้แบ่งไว้เป็นรุ่น ๆ (Generation) รุ่นของโปเกมอนจะเรียงไว้ตามปีที่เปิดตัว ทุก ๆ หลายปี เมื่อโปเกมอนภาคต่อที่เป็นทางการจะเปิดเผยเหล่าโปเกมอนตัวใหม่ ๆ ตัวละครใหม่ ๆ และความคิดรวบยอดของเกม โดยภาคต่อเหล่านี้จะเป็นภาคที่เปิดเผยเหล่าโปเกมอนรุ่นใหม่นั่นเอง เกมหลัก อะนิเมะ มังงะ และเทรดดิงการ์ดเกมก็จะมีการอัปเดตเมื่อมีโปเกมอนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นมา
แฟรนไชส์โปเกมอนเริ่มเปิดตัวเกมโปเกมอนรุ่นที่หนึ่ง ในชื่อ โปเกมอน "อาคะ" และ "มิโดริ" (Pocket Monsters Aka and Midori) (หรือโปเกมอนภาค เร้ด และ กรีน) บนเครื่องเกมบอยในญี่ปุ่น เมื่อเกมได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ก็ได้สร้างโปเกมอนภาคปรับปรุงใหม่ "อาโอะ" (ภาคบลู) หลังจากปล่อยออกมาได้ช่วงหนึ่ง โปเกมอนภาคอาโอะก็ได้ถูกทำใหม่ในชื่อโปเกมอนเร้ดและบลู สำหรับนานาชาติ เกมเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2541 โปเกมอนภาคอาคะและมิโดริฉบับดั้งเดิมไม่เคยวางขายนอกประเทศญี่ปุ่น[6] ต่อภายหลัง ได้มีการสร้างโปเกมอนรีเมคในชื่อโปเกมอน เยลโล่ว์: สเปเชียล พิกะจู อีดิชัน (Pokémon Yellow: Special Pikachu Edition) เพื่อลองทำเกมโปเกมอนแบบภาพสีลงบนเครื่องเกมบอยคัลเลอร์ รวมทั้งมีลักษณะส่วนประกอบของเกมมาจากโปเกมอนฉบับอะนิเมะ โปเกมอนรุ่นแรกเปิดตัวโปเกมอนทั้งหมด 151 สายพันธุ์ (ในสมุดภาพโปเกมอนสากล ได้เรียงโปเกมอนตามลำดับจากฟุชิงิดาเนะจนถึงมิว) รวมถึงความคิดรวบยอดของเกมในการจับโปเกมอน การฝึกฝน การต่อสู้ และการแลกเปลี่ยนโปเกมอนระหว่างเครื่องเล่นสองเครื่อง เนื้อเรื่องของเกมเวอร์ชันนี้เกิดขึ้นในเขตคันโต แต่ชื่อเขตคันโตไม่เคยได้ใช้จนถึงโปเกมอนรุ่นที่สอง ซึ่งเริ่มเปิดตัวในปี พ.ศ. 2543 กับเกมโปเกมอนภาคโกลด์และซิลเวอร์ (Pokémon Gold and Silver) บนเครื่องเกมบอยคัลเลอร์ และภาครีเมคต่อมาในภาคคริสตัล ในรุ่นที่สองนั้นมีโปเกมอนเพิ่มมาอีก 100 ตัว (ตั้งแต่ชิโกริตะถึงเซเลบี) รวมเป็น 251 ตัว ส่วนโปเกมอนมินิเป็นเกมคอนโซลแฮนด์เฮลด์ (handheld game console) ได้วางขายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2544 ในญี่ปุ่น และปี พ.ศ. 2545 ในยุโรปและอเมริกา
โปเกมอนเริ่มเข้าสู่รุ่นที่สามด้วยเกมโปเกมอนภาครูบี้และซัฟไฟร์สำหรับเกมบอยแอดวานซ์ และต่อด้วยเกมภาครีเมคของภาคเร้ดและบลู ในโปเกมอนภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีน ต่อด้วยภาครีเมคอีกภาคจากภาครูบี้และซัฟไฟร์ในชื่อโปเกมอนภาคเอเมรัลด์ โปเกมอนในรุ่นที่สามนี้เปิดตัวโปเกมอนใหม่ถึง 135 สายพันธุ์ (เริ่มตั้งแต่คิโมริจนถึงเดโอคิชิสุ) รวมเป็น 386 สายพันธุ์ โปเกมอนรุ่นนี้ได้รวบรวมข้อเสนอที่จะตัดคุณสมบัติบางอย่างออกไป เช่น ระบบเวลากลางวันกลางคืนซึ่งได้แสดงไว้ในรุ่นที่สอง และยังเป็นโปเกมอนภาคแรกที่มีโปเกมอนเพียงแค่ 202 ตัวที่มีให้จับในภาครูบี้และซัฟไฟร์จากจำนวนโปเกมอนทั้งหมด 386 ตัวให้ผู้เล่นได้สะสมกัน ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มสร้างโปเกมอนรุ่นต่อมาคือรุ่นที่สี่ ในเกมโปเกมอนภาคไดมอนด์และเพิร์ล ที่สร้างไว้สำหรับนินเทนโด ดีเอส โปเกมอนรุ่นที่สี่นี้เปิดตัวโปเกมอนใหม่อีก 107 สายพันธุ์ (ตั้งแต่เนอิโทรุจนถึงอารุเซอัส) ทำให้มีโปเกมอนทั้งสิ้น 493 สายพันธุ์[7] ระบบจอสัมผัส (touch screen) ของเครื่องเล่นนินเทนโด ดีเอส ช่วยทำให้เห็นคุณสมบัติใหม่เช่น การทำขนมมัฟฟินโปเกมอน (poffin; Pokémon + muffin) และในการใช้นาฬิกาโปเกมอน (Pokétch; Pokémon + watch) โดยใช้ปากกาที่ให้มากับเกม ความคิดรวบยอดในระบบเกมภาคใหม่นี้ได้ปรับเปลี่ยนระบบการจัดแยกกระบวนท่า การเล่นเชื่อมต่อเพื่อแลกเปลี่ยนหรือต่อสู้กันหลายคนโดยใช้ระบบการเชื่อมต่อแบบ นินเทนโดไว-ไฟ (Nintendo Wi-Fi Connection) มีระบบเวลากลางวันกลางคืนจากรุ่นที่สอง ระบบการประกวดโปเกมอนจากรุ่นที่สาม และเขตใหม่ในเขตซินโน ซึ่งจะมีคุณสมบัติลับสำหรับเล่นหลายคน ต่อมาก็มีโปเกมอนภาครีเมคจากภาคไดมอนด์และเพิร์ลเช่นเดียวกับภาคเยลโล่ว์ คริสตัล และเอเมอรัลด์ ในโปเกมอนภาคแพลททินัม ซึ่งยังมีคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย ต่อมายังมีเกมซึ่งมีลักษณะคล้ายเกมโปเกมอนสเตเดียม นั่นคือโปเกมอนแบทเทิลเรฟโวลูชัน (Pokémon Battle Revolution) สำหรับเครื่องเล่นวี ซึ่งมีระบบการเชื่อมต่อแบบไว-ไฟ (Wi-Fi) ด้วย[8]
ระบบของเกม
ดูบทความหลักที่ ระบบของเกมโปเกมอน
เกมโปเกมอนซึ่งเป็นเกมแนวบทบาทสมมุติ มีความคิดรวบยอด ไอเทม และความหลากหลายของความเชื่องของโปเกมอนที่แตกต่างกัน ในแต่ละรุ่นนั้นจะแสดงให้เห็นสิ่งเหล่านั้นเพิ่มขึ้น ดึงดูดผู้เล่นและทำให้เพลิดเพลิน ความคิดรวบยอดโดยทั่วไปที่ได้เปิดตัวไว้ที่อื่นแล้วก่อนที่จะเปิดตัวในเกม เช่น การต่อสู้แบบดับเบิลแบทเทิล ที่ปรากฏในอะนิเมะมานานก่อนที่จะปรากฏในเกม และความสามารถเฉพาะตัวของโปเกมอนที่ดูคล้ายค่าพลังของโปเกมอนในโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม
โปเกมอนเริ่มต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่สอดคล้องกันของเกมโปเกมอน ตั้งแต่โปเกมอนภาคเร้ดและบลูบนเครื่องเกมบอย ไปจนถึงภาคไดมอนด์และเพิร์ลบนเครื่องนินเทนโด ดีเอส เป็นตัวเลือกของผู้เล่นที่สามารถเลือกโปเกมอนหนึ่งในสามที่กำหนดไว้เป็นตัวเริ่มต้นของการผจญภัย เรียกโปเกมอนสามตัวเหล่านี้ว่า "โปเกมอนเริ่มต้น" ผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช รูปแบบไฟ หรือรูปแบบน้ำได้[9] ตัวอย่างเช่น ในโปเกมอนภาคเร้ดและบลู (และภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีน) ผู้เล่นสามารถเลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ แต่ในโปเกมอนภาคเยลโล่ว์ ซึ่งเป็นภาคที่สร้างขึ้นโดยมีเนื้อเรื่องอ้างอิงตามเนื้อเรื่องของอะนิเมะ ผู้เล่นจะได้รับพิกะจู รูปแบบไฟฟ้า มาเป็นโปเกมอนเริ่มต้น แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคนี้ ผู้เล่นจะได้รับโปเกมอนเริ่มต้นสามตัวของภาคเร้ดและบลูระหว่างทางในภายหลัง[10] อีกด้านหนึ่ง คู่แข่งของผู้เล่นจะเลือกโปเกมอนเริ่มต้นที่มีรูปแบบได้เปรียบกับโปเกมอนของเรา ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช คู่แข่งก็จะเลือกโปเกมอนรูปแบบไฟ เป็นต้น แน่นอนว่า โปเกมอนภาคเยลโล่ว์ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน ที่คู่แข่งจะเลือกอีวุยเป็นโปเกมอนเริ่มต้น ซึ่งต่อมาอีวุยสามารถพัฒนาร่างได้เป็นธันเดอร์ส ชาวเวอร์ส หรือบูสเตอร์ก็ได้ ซึ่งจะตัดสินจากการที่ผู้เล่นชนะหรือแพ้การต่อสู้กับคู่แข่งระหว่างทาง
สมุดภาพโปเกมอน
สมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในอะนิเมะและวิดีโอเกมโปเกมอน สำหรับในเกมนั้น เมื่อใดที่โปเกมอนตัวใดถูกจับเป็นครั้งแรก ข้อมูลของมันจะเพิ่มเข้าไปในสมุดภาพนี้ แต่ในอะนิเมะหรือมังงะนั้น สมุดภาพโปเกมอนเป็นสารานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ปกติมีไว้เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโปเกมอน สมุดภาพโปเกมอนยังใช้ในการอ้างอิงถึงรายชื่อโปเกมอนซึ่งโดยทั่วไปจะเรียงตามหมายเลข ในวิดีโอเกม ผู้ฝึกโปเกมอนจะเห็นเป็นที่ว่างเปล่าขณะเริ่มต้นเกม ผู้ฝึกจะต้องพยายามเติมเต็มสมุดภาพโดยเผชิญหน้ากับโปเกมอน และจับมันให้ได้สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ผู้เล่นจะเห็นชื่อและรูปภาพของโปเกมอนหลังจากได้พบเจอโปเกมอนที่ไม่เคยเจอมาก่อน หลังจากการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นโปเกมอนป่า หรือการต่อสู้กับผู้ฝึกคนอื่น (ยกเว้นการต่อสู้แบบเชื่อมต่อเครื่องเล่นกับผู้เล่นคนอื่น เช่นในแบทเทิลฟรอนเทียร์) ในโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ข้อมูลโปเกมอนจะเพิ่มในสมุดภาพง่าย ๆ โดยการดูรูปโปเกมอน เช่นในสวนสัตว์นอกเขตซาฟารีโซน ตัวละคร NPC ก็อาจทำให้สมุดภาพเพิ่มข้อมูลโปเกมอนเข้าไปได้โดยการอธิบายลักษณะของโปเกมอนระหว่างการพูดคุยกัน ข้อมูลอื่น ๆ หาได้หลังจากผู้เล่นได้รับโปเกมอนสายพันธุ์นั้น ๆ แล้ว หรืออาจจะผ่านการจับโปเกมอนป่า การพัฒนาร่างของโปเกมอน การฟักไข่ (ตั้งแต่รุ่นที่สองเป็นต้นมา) หรือการแลกเปลี่ยนโปเกมอน ข้อมูลที่จะได้เห็นเหล่านั้นเช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ชนิดสายพันธุ์ และรายละเอียดสั้น ๆ ของโปเกมอน ในภาคต่อ ๆ มา สมุดภาพรุ่นใหม่อาจมีข้อมูลรายละเอียดที่มากขึ้นเช่น ขนาดของตัวโปเกมอนเปรียบเทียบกับตัวผู้ฝึก หรือรายชื่อโปเกมอนแยกตามถิ่นที่อยู่อาศัย (ข้อมูลนี้จะเห็นได้แค่ในภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีนเท่านั้น) สมุดภาพโปเกมอนล่าสุดสามารถจุข้อมูลของโปเกมอนทุกตัวที่รู้จักกันในปัจจุบัน เกมโปเกมอน โคลอสเซียม และโปเกมอนเอกซ์ดี:เกลออฟดาร์คเนส บนเครื่องเกมคิวบ์ มีระบบการช่วยเหลือข้อมูลโปเกมอนแบบดิจิทัล (Pokémon Digital Assistant; P★DA) ดูคล้ายกับสมุดภาพโปเกมอน แต่สามารถบอกว่าโปเกมอนรูปแบบไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบโปเกมอนรูปแบบไหน และยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะของโปเกมอนได้ด้วย[11]
ในสื่ออื่น
โปเกมอนฉบับอะนิเมะ


ซาโตชิและพิกะจูในอะนิเมะโปเกมอนตอนแรก
โปเกมอนฉบับอะนิเมะรวมถึงภาพยนตร์ดำเนินเนื้อเรื่องโดยแยกออกจากการผจญภัยต่าง ๆ ในวิดีโอเกม (ยกเว้นภาคเยลโล่ว์ ที่ดำเนินเรื่องตามเนื้อเรื่องอะนิเมะ) โปเกมอนฉบับอะนิเมะเป็นเรื่องราวภารกิจอันยิ่งใหญ่ของตัวละครหลัก "ซาโตชิ" หรือ "แอช แคทชัม" (อังกฤษ: Ash Ketchum) [12] เพื่อจะเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ในเรื่องการฝึกโปเกมอน เขาและเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ เดินทางตามโลกที่มีโปเกมอนเต็มไปหมด[12] ในภาคแรก (original series) เริ่มต้นในวันซาโตชิได้เป็นผู้ฝึกโปเกมอนวันแรก โปเกมอนตัวแรกซึ่งเป็นโปเกมอนคู่หูคือพิกะจู ซึ่งแตกต่างจากเกมที่จะได้เลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ[13] ซีรีส์นี้ดำเนินไปตามเนื้อเรื่องของเกมโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ในเขตภูมิภาคที่ชื่อว่าคันโต ร่วมเดินทางไปกับ "ทาเคชิ" หรือ "บร็อก" (อังกฤษ: Brock) หัวหน้ายิมของเมืองนิบิ หรือพิวเตอร์ซิตี (อังกฤษ: Pewter City) และ "คาสึมิ" หรือ "มิสตี้" ((อังกฤษ: Misty)) น้องสาวคนสุดท้องของกลุ่มพี่น้องหัวหน้ายิมในยิมของเมืองฮานาดะ หรือเซรูเลียนซิตี (อังกฤษ: Cerulean City) ซีรีส์ต่อมาคือ Pokémon: Adventures in the Orange Islands ซึ่งเป็นการผจญภัยในหมู่เกาะออเร้นจ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่อง และเปลี่ยนตัวละครจากทาเคชิเป็น "เค็นจิ" หรือ "เทรซีย์" (อังกฤษ: Tracey) จิตรกรและผู้ดูแลโปเกมอน
ซีรีส์ต่อมา เป็นเนื้อเรื่องของโปเกมอนรุ่นที่สอง ประกอบด้วย Pokémon: Johto Journeys Pokémon: Johto League Champions และ Pokémon: Master Quest ดำเนินเรื่องในเขตภูมิภาคโจโต มีตัวละครสามคนคือซาโตชิ ทาเคชิ และคาสึมิ เช่นเดิม
การผจญภัยยังคงดำเนินต่อใน Pokémon: Advanced Battle ของซีรีส์ Pokémon: Advanced Generation ดำเนินเนื้อเรื่องตามเกมโปเกมอนรุ่นที่สาม ซาโตชิและเพื่อน ๆ เดินทางในเขตภูมิภาคโฮเอ็นซึ่งอยู่ทางใต้ ซาโตชิได้เป็นครูและผู้ให้คำปรึกษาให้กับผู้โปเกมอนมือใหม่ที่ชื่อ "ฮารุกะ" หรือ "เมย์" (อังกฤษ: May) น้องชายของเธอ "มาซาโตะ" หรือ "แม็กซ์" (อังกฤษ: Max) ก็ร่วมเดินทางด้วย แต่ไม่ได้เป็นผู้ฝึกโปเกมอน แต่เขากลับรู้ข้อมูลโปเกมอนมากมาย ในซีรีส์นี้ ทาเคชิก็มาร่วมเดินทางกับซาโตชิ แต่คาสึมิต้องกลับไปที่ยิมฮานาดะเพื่อทำหน้าที่เป็นหัวหน้ายิม (คาสึมิ รวมถึงตัวละครอื่น ยังปรากฏในซีรีส์พิเศษ Pokémon Chronicles ด้วย ) ซีรีส์ Pokémon: Advanced Battle จบเรื่องด้วยซีรีส์ Pokémon: Battle Frontier ยึดหลักตามเนื้อเรื่องเกมภาคเอเมอรัลด์และมุมมองลักษณะของเกมภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีน
ซีรีส์ล่าสุดคือโปเกมอน Diamond and Pearl โดยซีรีส์นี้มาซาโตะ น้องชายของฮารุกะ ได้ออกจากกลุ่มเพื่อเลือกโปเกมอนเริ่มต้นและออกเดินทางด้วยตัวเอง และฮารุกะได้ไปเข้าร่วมเทศกาล Grand Festival ที่โจโต ซาโตชิ ทาเคชิ และเพื่อนคนใหม่ "ฮิคาริ" หรือ "ดอว์น" (อังกฤษ: Dawn) ร่วมออกเดินทางไปตามภูมิภาคซินโน
นอกจากนี้ทางรายการโทรทัศน์ โปเกมอนฉบับภาพยนตร์ 11 ภาคยังถูกสร้างขึ้น และภาคที่สิบสองก็จะปล่อยในญี่ปุ่นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 ในโปเกมอนฉบับภาพยนตร์บางภาค ยังมีการสะสมสินน้ำใจ เช่นการ์ดเกม ให้สะสมด้วย
การ์ตูนโปเกมอนนั้นมีหลายภาค จนถึงทุกวันนี้ โปเกมอนยังไม่มีตอนจบ การ์ตูนเรื่องนี้ถูกผลิตเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายตอน แบ่งได้เป็นหลายภาค โดยภาคแรกนั้นเป็นแบบฉบับดั้งเดิม (Original series) จำนวน 274 ตอน[14] ภาคต่อที่ชื่อว่า Advance Generation หรือ AG จำนวน 191 ตอน[15] และภาคล่าสุดคือไดมอนด์แอนด์เพิร์ล (Diamond & Pearl) ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนตอนทั้งหมดเพราะยังผลิตตอนใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ
การ์ตูนโปเกมอนนั้นแบ่งตามซีซันได้ทั้งหมด 11 ซีซัน[16] ดังนี้ การ์ตูนโปเกมอนภาคแรก (Original series) เป็นการผจญภัยในเขตคันโตและโจโต แบ่งภาคเป็นซีซันได้ 5 ซีซัน ดังนี้[14]
• ซีซันที่ 1 Pokémon (EP001 - EP081) รวมทั้งสิ้น 81 ตอน
• ซีซันที่ 2 Pokémon: The Adventures in the Orange Islands (EP082 - EP116) รวมทั้งสิ้น 35 ตอน
• ซีซันที่ 3 Pokémon: The Johto Journeys (EP117 - EP157) รวมทั้งสิ้น 41 ตอน
• ซีซันที่ 4 Pokémon: Johto League Champions (EP158 - EP209) รวมทั้งสิ้น 52 ตอน
• ซีซันที่ 5 Pokémon: Master Quest (EP210 - EP274) รวมทั้งสิ้น 65 ตอน
การ์ตูนโปเกมอนภาค Advance Generation เป็นการผจญภัยในเขตโฮเอน แบ่งภาคเป็นซีซันได้ 4 ซีซัน ดังนี้[15]
• ซีซันที่ 6 Pokémon Advanced (AG001 - AG040) รวมทั้งสิ้น 40 ตอน
• ซีซันที่ 7 Pokémon: Advanced Challenge (AG041 - AG092) รวมทั้งสิ้น 52 ตอน
• ซีซันที่ 8 Pokémon: Advanced Battle (AG093 - AG145) รวมทั้งสิ้น 53 ตอน
• ซีซันที่ 9 Pokémon: Battle Frontier (AG146 - AG192) รวมทั้งสิ้น 47 ตอน
การ์ตูนโปเกมอนภาค Diamond & Pearl เป็นการผจญภัยในเขตซินโน แบ่งภาคเป็นซีซันได้จนถึงขณะนี้ 3 ซีซัน ดังนี้
• ซีซันที่ 10 Pokémon Diamond & Pearl (DP001 - DP052) รวมทั้งสิ้น 52 ตอน
• ซีซันที่ 11 Pokémon Diamond & Pearl: Battle Dimension (DP053 - DP104) รวมทั้งสิ้น 52 ตอน
• ซีซันที่ 12 Pokémon Diamond & Pearl: Galactic Battle *(DP105 - ปัจจุบัน)
สำหรับประเทศไทยนั้น เคยมีการนำโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวีในรายการ โมเดิร์นไนน์การ์ตูน ตั้งแต่ซีซันแรกถึงซีซันที่ 7 โดยทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวีฉายถึงตอน A Scare to Remember (ญี่ปุ่น: ピカチュウ、ロケット団に入る!?Pikachu, Joining Rocket-dan!?: AG089) ส่วนวีซีดีในช่วงแรกบริษัท ไทก้า (TIGA) ได้ผลิต แต่ภายหลังบริษัทไรท์บิยอนด์ผลิตแทนตั้งแต่ปีแรกถึงปัจจุบัน และล่าสุด รายการโมเดิร์นไนน์ การ์ตูนได้นำการ์ตูนโปเกมอนกลับมาฉายอีกครั้ง โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่ซีซันที่ 10 (Pokémon Diamond & Pearl) ตอน Following a Maiden's Voyage! (ญี่ปุ่น: 旅立ち!フタバタウンからマサゴタウンへ!!Setting Off! From Futaba Town to Masago Town!!: DP001) โดยเริ่มออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 8.00 - 8.30 น. เป็นต้นไป[17] ส่งผลให้ตั้งแต่ตอน AG090-AG192 ไม่ได้นำมาออกอากาศทางโทรทัศน์ในไทย
ภาพยนตร์
1. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู (Pokémon: The First Movie / Mewtwo Strikes Back) (1998)
2. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน ลูเกีย จ้าวแห่งทะเลลึก (Pokémon: The Movie 2000 / Revelation - Lugia) (1999)
การต่อสู้ที่ดุเดือดของโปเกมอนจอมอหังการแห่งท้องทะเลลึก (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 1 ท้ายแผ่น)
3. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน ผจญภัยบนหอคอยปีศาจ (Pokémon 3: The Movie / Lord of the "UNKNOWN" Tower) (2000)
หอคอยที่เต็มไปด้วยอำนาจมืดของโปเกมอนปริศนา (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 2 ท้ายแผ่น)
4. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน ย้อนเวลาตามล่าเซเลบี (Pokémon 4Ever / Celebi A Timeless Encounter) (2001)
การต่อสู้และการไล่ล่า เพื่อแย่งชิงโปเกมอนน้อย (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 3 ท้ายแผ่น)
5. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน เทพพิทักษ์แห่งนครสายน้ำ (Pokémon Heroes: Latios and Latias) (2002)
ผจญภัยในดินแดนแห่งสายน้ำ และการต่อสู้ที่ดุเดือด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 4 ท้ายแผ่น)
Advanced Generation
6. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน คำอธิษฐานแห่งดวงดาว (Pokémon: Jirachi Wish Maker) (2003)
คำอธิษฐาน ความปรารถนา และการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 5 ท้ายแผ่น)
7. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน เดโอคิซิส ปะทะ เร็คคูซ่า (Pokémon: Destiny Deoxys) (2004)
การต่อสู้ระหว่างโปเกมอนทรงพลัง ใครจะเป็นผู้ชนะ !
8. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน มิวและอัศวินคลื่นพลัง (Pokémon: Lucario and the Mystery of Mew) (2005)
ต้นไม้ผู้ให้กำเนิดโลก สู่ตำนานแห่งอัศวินและคลื่นพลังลึกลับ
9. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน เรนเจอร์กับเจ้าชายมานาฟี่แห่งท้องทะเล (Pokémon Ranger and the Temple of the Sea) (2006)
เจ้าชายแห่งท้องทะเลกับภารกิจเสี่ยงตาย เพื่อปกป้องขุนทรัพย์ใต้ทะเลลึก
Diamond and Pearl
10. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน เดียลก้า VS พาลเกีย VS ดาร์กไร (Pokémon: The Rise of Darkrai) (2007)
(ในประเทศไทย ไรบิยอนยังไม่ออกจำหน่าย)
11. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน กิราติน่ากับช่อดอกไม้แห่งท้องฟ้าน้ำแข็ง เชมิน (Pokémon: Giratina and the Sky Warrior) (2008)
(ในประเทศไทย ไรบิยอนยังไม่ออกจำหน่าย)
12. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน สู่กาลอวกาศที่เหนือกว่า (Pokémon: Arceus and the Jewel of Life) (2009)
(ในประเทศไทย ไรบิยอนยังไม่ออกจำหน่าย)
13. โปเกมอน มูฟวี่ ตอน ผู้ปกครองแห่งมายาโซรูอาร์ค (Pokémon: Phantom Ruler: Zoroark) (2010)
(ในประเทศไทย ไรบิยอนยังไม่ออกจำหน่าย)
Specials
14. โปเกมอน ตอน ต้นกำเนิดของมิวทู (Pokémon: The Birth of Mewtwo) (2000)
เป็นภาคก่อนของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู
15. โปเกมอน ตอน การกลับมาของมิวทู (Pokémon: Mewtwo Returns) (2000)
เป็นภาคต่อของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู (ในประเทศไทย เคยออกอากาศทางช่อง 9)
16. โปเกมอน ตอน สุดยอดโปเกมอนโคลนนิง (Pokémon: The Mastermind of Mirage Pokémon) (2006)
10th Anniversary Special ! เป็นตอนพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีโปเกมอน
ซีดี
มีการผลิตซีดีโปเกมอนขายในอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเกี่ยวกับโปเกมอนฉบับภาพยนตร์ 3 เรื่องแรก หาซื้อได้บ่อย ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2550 ซีดีที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ได้วางขายโดยจุเพลงประกอบภาษาอังกฤษ 18 แทร็ค และเป็นการวางขายซีดีฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกที่วางขายมากกว่า 5 ปี เพลงประกอบภาพยนตร์โปเกมอนได้วางขายในญี่ปุ่นด้วย
ปี เรื่อง
29 มิถุนายน พ.ศ. 2542[18]
Pokémon 2.B.A. Master
9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542[19]
เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon: The First Movie
8 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2543
Pokémon World
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 Pokémon: The First Movie Original Motion Picture Score
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon The Movie 2000
พ.ศ. 2543 Pokémon The Movie 2000 Original Motion Picture Score
23 มกราคม พ.ศ. 2544
Totally Pokémon
3 เมษายน พ.ศ. 2544
Pokémon 3: The Ultimate Soundtrack
9 ตุลาคม พ.ศ. 2544
Pokémon Christmas Bash
27 มีนาคม พ.ศ. 2550
Pokémon X: Ten Years of Pokémon
โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม
ดูบทความหลักที่ โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม
โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกมเป็นเกมรูปแบบการ์ดเกม มีจุดมุ่งหมายคือการต่อสู้ของโปเกมอนในวิดีโอเกม ผู้เล่นใช้การ์ดโปเกมอนที่จะมีค่าความแข็งแกร่ง และค่าความอ่อนแออยู่ในการ์ดแต่ละใบ เกมนี้วางจำหน่ายครั้งแรกในอเมริกาเหนือโดยบริษัท วิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ (อังกฤษ: Wizards of the Coast) ในปี พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตาม เมื่อโปเกมอนภาครูบี้และซะฟไฟร์วางจำหน่ายออกมา นินเทนโด USA นำการ์ดเกมจากวิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ไปผลิตแทน และเริ่มตีพิมพ์จำหน่ายเอง การขยายกิจการของบริษัทในเวลาต่อมาคือการเปิดตัว โปเกมอนอีเทรดดิงการ์ดเกม ซึ่งเป็นการ์ดที่สามารถใช้งานร่วมกัยเครื่องนินเทนโด อีรีดเดอร์ ต่อมานินเทนโดหยุดการผลิตของการ์ดเหล่านี้และต่อการปล่อย EX ไฟร์เร้ดและลีฟกรีน นินเทนโดวางจำหน่ายเทรดดิงการ์เกมเวอร์ชันเกมบอยคัลเลอร์ในปี พ.ศ. 2541 และวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในปี พ.ศ. 2543 ด้วย โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกมนี้ยังประกอบด้วยการ์ดเวอร์ชันดิจิทัลจากการ์ดธรรมดา และการ์ดใหม่ 2 ชนิดแรก (จังเกิล และ ฟอสซิล) และยังมีการ์ดมากมายที่ผลิตขึ้นเฉพาะ ซึ่งต่อมาได้วางขายเฉพาะในญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2544
มังงะ
โปเกมอนฉบับมังงะ (หนังสือการ์ตูน) นั้นมีหลากหลาย โดยผู้ที่ผลิตวางขายในภาษาอังกฤษคือ Viz Communications และ Chuang Yi มังงะนั้นแตกต่างจากวิดีโอเกมและการ์ตูนมากในเรื่องของผู้ฝึกโปเกมอน สามารถฆ่าโปเกมอนของฝ่ายตรงข้ามได้
คำวิจารณ์และข้อถกเถียง
หลักศีลธรรมจรรยา
โปเกมอนได้รับคำวิจารณ์จากศาสนิกชนของศาสนาคริสต์ ยูดาย และอิสลาม ชาวคริสต์เห็นว่าเกี่ยวกับความลึกลับและรุนแรงของโปเกมอน รวมถึงโปเกมอนวิวัฒนาการของโปเกมอน (ซึ่งเกี่ยวข้องกับทฤษฎีวิวัฒนาการ) ที่กล่าวถึงการกำเนิดของสรรพสิ่งที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ชาววาติกันแย้งว่าโปเกมอนเทรดดิงการ์ด และวิดีโอเกมนั้นมีจินตนาการสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยม และไม่มีผลกระทบข้างเคียงในเรื่องหลักศีลธรรมเลย ในสหราชอาณาจักร เกม "คริสเตียน เพาเวอร์ การ์ด" ได้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2542 เป็นคำตอบที่ใช้อ้างว่าโปเกมอนเป็นซาตาน เกมนี้ดูคล้ายกับโปเกมอนเทรดดิงการ์ดแต่มีส่วนสำคัญบนการ์ดมาจากคัมภีร์ไบเบิล ในปี พ.ศ. 2542 กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อต้านการสบประมาทของชาวยิวได้กดดันให้นินเทนโดทำการ์ดโปเกมอนสำหรับตัวโกลแบท และเมตามอน เพราะการ์ดเหล่านี้บรรยายให้เห็นภาพเหมือนด้านซ้ายของสัญลักษณ์สวัสติกะ หมายถึงการต่อต้านเซมิทีส แม้ว่านินเทนโดจะตั้งใจว่าจะวางขายการ์ดเหล่านี้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นินเทนโดก็มีกำหนดการปล่อยเวอร์ชันอเมริกาเหนือในปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2544 ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกาศห้ามนำเกมโปเกมอนและการ์ดเข้าประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มไซออนนิสม์ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของชาวมุสลิม โปเกมอนยังถูกกล่าวหาเนื่องจากส่งเสริมการชนไก่ และพวกวัตถุนิยม ในปี พ.ศ. 2542 เด็กชายอายุ 9 ขวบ 2 คน ฟ้องร้องนินเทนโด เพราะเขาอ้างว่าเกมโปเกมอนเทรดดิงการ์ดทำให้เขาติดการพนันงอมแงม
เกี่ยวกับสุขภาพ
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่นถูกส่งเข้าโรงพยาบาลหลังมีอาการลมชักกะทันหัน ซึ่งพบว่าเกิดขึ้นจากการดูการ์ตูนโปเกมอนตอนที่ 38 (ญี่ปุ่น: でんのうせんしポリゴンComputer Soldier Porygon: EP038) เป็นผลให้ตอนนี้ไม่ได้ออกอากาศอีก ในโปเกมอนตอนนี้ จะมีการระเบิดขึ้นและมีแสงสีแดงกับสีน้ำเงินสลับกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีการระบุว่าแสงเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดอาการลมชัก แม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่เคยมีประวัติของโรคนี้มาก่อนก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีสื่อล้อเลียนโปเกมอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยปรากฏการเย้ยหยันในเรื่องเดอะซิมป์สันส์ ตอน Thirty Minutes over Tokyo และเรื่องเซาธ์ปาร์ค ตอน Chinpokomon
มอนสเตอร์ อิน มายพ็อคเก็ต
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2543 บริษัทผู้ผลิตของเล่นขนาดเล็ก Morrison Entertainment Group ที่ตั้งอยู่ที่แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย ฟ้องร้องนินเทนโดว่าแฟรนไชส์โปเกมอนละเมิดตัวละครของมอนสเตอร์อินมายพ็อคเก็ต ที่ตนเป็นผู้ผลิต โดยผู้พิพากษาตัดสินว่าไม่ใช่การละเมิด ดังนั้น Morrison จึงฟ้องอุทธรณ์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544
อิทธิพลทางวัฒนธรรม
เนื่องจากความนิยมของโปเกมอน ส่งผลให้มีโปเกมอนเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม ตัวละครของโปเกมอนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่นบอลลูนรูปพิกะจูในขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของเมซี่ (Macy's Thanksgiving Day Parade) เครื่องบินโบอิง 747-400 รูปโปเกมอน สินค้าโปเกมอนนับพัน และสวนสนุกโปเกมอนในเมืองนาโกยะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2548 และในไทเป พ.ศ. 2549 โปเกมอนยังปรากฏบนปกของนิตรสารไทม์ของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2542 การแสดงตลกชื่อ Drawn Together มีตัวละครชื่อ ลิงลิง (Ling-Ling) ที่มีลักษณะล้อเลียนพิกะจู และการแสดงอื่น ๆ อีกหลายการแสดงเช่น ReBoot เดอะซิมป์สันส์ South Park The Grim Adventures of Billy and Mandy และ All Grown Up! ที่ได้อ้างถึงโปเกมอนระหว่างเนื้อเรื่อง โปเกมอนยังถูกนำเสนอในรายการ I Love the '90s: Part Deux ของสถานีโทรทัศน์ VH1 อีกด้วย การแสดงสดชื่อว่า โปเกมอนไลฟ์ (Pokémon Live!) ได้ทัวร์ไปในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี พ.ศ. 2543 โดยแสดงตามเนื้อเรื่องโปเกมอนฉบับอะนิเมะ แต่มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับต่อเนื่องของเนื้อเรื่องในการแสดงนี้
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 นินเทนโดเปิดร้านค้าชื่อว่า Pokémon Center ณ ศูนย์กลางร็อกเฟลเลอร์ในนิวยอร์ก โดยออกแบบขึ้นหลังร้าน Pokémon Center 2 แห่งในโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งอาคารนี้ในเนื้อเรื่องเป็นที่ที่ผู้ฝึกโปเกมอนนำโปเกมอนมารักษาอาการเจ็บป่วย ร้านค้านี้ขายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับโปเกมอน มี 2 ชั้น โดยเรียงเป็นลำดับสินค้าตั้งแต่เสื้อยืดสะสมไปจนถึงตุ๊กตาโปเกมอน ร้านแห่งนี้ยังเปิดตัว เครื่องแจกจ่ายโปเกมอน (Pokémon Distributing Machine) ที่ผู้เล่นจะวางเกมโปเกมอนลงไปเพื่อรับไข่โปเกมอนที่แจกขึ้นเฉพาะเวลานั้นเท่านั้น นอกจากนี้ร้านแห่งนี้ยังมีโต๊ะสำหรับให้ผู้เล่นเข้าไปเล่นโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเพื่อดวลกัน ร้าน Pokémon Center นี้ปิดตัวลงและสร้าง Nintendo World Store ขึ้นมาแทนที่ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548